Surfshark ค่อนข้างจะใหม่ในตลาดและเพิ่งเข้าสู่วงการเมื่อปี 2018 แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ค่ายนี้ก็สามารถสร้างเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่น่าประทับใจได้ ส่วนที่เจ๋งที่สุดคือ ราคาที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับแบรนด์ชั้นนำในตลาดในปัจจุบัน เรียนรู้เพิ่มเติม.
Surfshark อยู่ในวงการมาแล้วสักพัก แน่นอน อุตสาหกรรมยอดนิยมย่อมมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาอยู่เสมอซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก กลยุทธ์การตั้งราคาสำหรับผู้บริโภคน่าประทับใจก็จริง แต่สิ่งที่ Surfshark มอบให้ในแง่ของฟีเจอร์และประสิทธิภาพนั้นไม่ได้ต่ำตามราคาที่ยั่วยวนหรือเปล่า มาวิเคราะห์เจาะลึกกันครับ
ข้อดีของ Surfshark
ข้อเสียของ Surfshark
ข้อสรุป
Surfshark ให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยกับผู้บริโภคมากขึันไปอีกระดับเหมือนกับผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เรื่องนี้ประสบผลสำเร็จได้จากการให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะเหมือน ที่ทำกันทั่วไป ซึ่งจะมีอุโมงค์การรับส่งข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัสอย่างปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหลบหลีกจากสายตาของคนที่ต้องการสอดแนม
ปัจจุบัน Surfshark มีสิ่งที่เรียกว่าการเชื่อมต่อแบบ “ซ้อนกันหลายชั้น” นั่นหมายความว่าผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Surfshark สามารถเลือกตั้งค่าให้การเชื่อมต่อต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN สองเครื่องไล่เรียงกันไป สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มปัจจัยในการไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อให้คุณได้ความสบายใจมากขึ้น
นอกจากนี้ เครือข่ายพื้นฐานยังครอบคลุมกว่า 61 ประเทศทั่วโลกด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,000 แห่ง นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า ผู้ให้บริการรายนี้แรงจริง ๆ
Surfshark ก็ไม่ต่างกับผู้ให้บริการที่ดีส่วนใหญ่ตรงที่ใช้งานได้กับหลายแพลตฟอร์มเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เกือบทุกชนิดที่มีอยู่ แอปพลิเคชั่นพื้นฐานของค่ายนี้ครอบคลุมแพลตฟอร์มหลักอย่าง Windows และ iOS
หรือคุณจะติดตั้งลงในอุปกรณ์เล่นเกมหรืออุปกรณ์อัจฉริยะ อย่าง สมาร์ททีวี ก็ยังได้
สำหรับผู้ใช้ที่ไม่คิดมากหากการเชื่อมต่อจะช้าลง Surfshark สามารถใช้ได้กับเราเตอร์ด้วยเช่นกัน (ดูวิธีการติดตั้ง Surfshark บนเราเตอร์ที่นี่)
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าบริการ VPN ที่ติดตั้งบนเราเตอร์อาจจะช้ากว่ามาก เนื่องจากการเข้ารหัสใช้พลังในการประมวลผลสูงซึ่งเราเตอร์ส่วนใหญ่จะมีจุดอ่อนในเรื่องนี้ ฉะนั้น การเชื่อมต่อจึงช้าลง
หมายเหตุ
ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ Surfshark ได้รับการตรวจสอบโดย Cure53 และพบว่าปลอดภัย คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่นี่
โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ Surfshark มาประมาณหนึ่งปีและส่วนมากผมก็พอใจกับความเร็วของมัน ผมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาเกือบตลอดเวลาเพราะผมเป็นแฟน Netflix และนี่คือสิ่งที่เจ๋งที่สุดสำหรับ
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีซึ่งอันที่จริงแล้วก็เทียบเท่ากับผู้ให้บริการชั้นนำส่วนใหญ่ในวงการเลย
ผมได้ทดสอบความเร็วของ Surfshark ในทำเลที่ตั้งสำคัญหลายแห่งทั่วโลกเหมือนเช่นเคย ผมขอย้ำให้เข้าใจอีกครั้งว่า ตำแหน่งทางกายภาพของผมอยู่ที่มาเลเซีย ดังนั้น สัญญาณ PING (เวลาในการตอบสนอง) จะสูงขึ้นตามระยะทางระหว่างจุดที่ผมอยู่กับตัวเซิร์ฟเวอร์ VPN เรื่องนี้เป็นเหมือนกันทุกค่าย
ในการวัดความเร็วของ Surfshark ผมได้ทำการวัดค่าพื้นฐานครั้งแรกเนื่องจากความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราวตามปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่าง
เอาล่ะครับ ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การทดสอบของผมกับเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ตั้งอื่น ๆ โดยเปิดใช้บริการของ Surfshark และใช้โปรโตคอล OpenVPN (UDP)
หมายเหตุ
ในระหว่างการทดสอบความเร็ว ความเร็วในการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เมืองเพิร์ธในออสเตรเลียนั้นดูเหมือนจะถูกจำกัดด้วยตัวเซิร์ฟเวอร์ทดลองหรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วในการเชื่อมต่อ VPN เลย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ VPN นั่นคือการเอาชนะระบบจำกัดปริมาณแบนด์วิดธ์
โดยปกติแล้ว VPN จะเน้นประสิทธิภาพการทำงานมากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความนิยมในการใช้งานในประเทศนั้น ๆ สิ่งแรกที่ควรทราบก็คือในเกือบทุกตำแหน่งที่ตั้งที่ได้ทดสอบนั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีระดับความเร็วแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่ Surfshark ก็มีความเร็วที่เสถียรมาก
สิ่งนี้มักจะบ่งบอกถึงบริการ VPN ที่ดีในภาพรวมมากกว่าจะแสดงให้เห็นถึงบริการประเภทเน้นความเร็วสุดยอดในบางพื้นที่แต่ในบางพื้นที่กลับอืดมาก ผมรู้สึกประทับใจที่ Surfshark สามารถคงประสิทธิภาพความเร็วในพื้นที่อย่างเช่นอินเดียและอินโดนีเซียได้ดีซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งผมมักจะเห็นประสิทธิภาพลดลงเยอะมาก
นอกจากนี้ ผมขอย้ำด้วยว่าความเร็วเหล่านี้ทำได้ทั้ง ๆ ที่มีการเข้ารหัส 256 บิตตามมาตรฐานของ Surfshark โดยรวมแล้ว ผมต้องยอมรับว่าผลลัพธ์ที่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมมากและสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือความสม่ำเสมอ
ตอนนี้เราได้ดูกันไปแล้วเกี่ยวกับความเร็วที่คุณจะได้รับผ่านการเชื่อมต่อของ Surfshark ด้านต่อมาที่จะดูกันอย่างจริงจังคือ พื้นที่ครอบคลุมบริการ ทั้งนี้ Surfshark มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,000 แห่งในกว่า 61 ประเทศ สำหรับผู้ให้บริการที่ค่อนข้างใหม่ นี่ถือเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มากและเป็นอะไรที่ผู้ให้บริการ VPN หลายรายไม่สามารถทำได้แม้จะอยู่ในวงการหลายปี
เซิร์ฟเวอร์เกือบทั้งหมดเป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์จริง ๆ ซึ่งมีตำแหน่งที่ตั้งในสถานที่จริง ขณะที่มีเพียงเล็กน้อยที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งเสมือน ทั้งนี้ ตำแหน่งที่ตั้งเสมือนหมายความว่า ผู้ให้บริการ VPN ไม่ได้ให้บริการจริง ๆ ในประเทศนั้น ๆ แต่คุณสามารถใช้ตำแหน่งที่ตั้งนั้นในการอำพรางตำแหน่งที่ตั้งแท้จริงของคุณได้
เซิร์ฟเวอร์ของค่ายนี้ยังมีศักยภาพสูงและสามารถรองรับโปรโตคอลและฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Surfshark มีให้ได้
ไม่เพียงแค่นี้ Surfshark ยังมีเซิร์ฟเวอร์หลายแห่งที่มีที่อยู่ IP แบบคงที่ให้บริการด้วย ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนจำกัดแต่ก็มีประโยชน์มากเนื่องจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ให้บริการที่อยู่ IP แบบไม่คงที่กับผู้บริโภคทั่วไปและคิดค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับที่อยู่ IP แบบคงที่
สุดท้าย ค่ายนี้ยังให้บริการเชื่อมต่อวีพีเอ็นแบบซ้อนกันหลายชั้น โดยเส้นทางการเชื่อมต่อจะไม่เปลี่ยนแปลงซึ่ง Surfshark ใช้วิธีจับคู่เซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยเป็นคู่ ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อสำหรับผู้ใช้ ผลการทดสอบความเร็วที่ได้ออกมาก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียวแม้จะผ่านการเชื่อมต่อแบบหลายชั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมมองหาจากบริการ VPN คือความสามารถในการทะลุทะลวงเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นทางภูมิศาสตร์โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการสตรีมมิ่งภาพและเสียง อันที่จริง ผมสมัครสมาชิก Netflix แต่จุดที่ผมอยู่มีศูนย์บริการเนื้อหาระดับภูมิภาคที่แย่มาก ผมจึงใช้ VPN เพื่อให้สามารถดูเนื้อหาของ Netflix US ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะคนในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ชมได้
ผมได้ลองใช้ VPN จำนวนมากที่อ้างว่าช่วยให้สตรีมมิ่ง Netflix ได้ แต่เอาเข้าจริง นอกเหนือจากผู้ให้บริการชั้นนำ อย่างเช่น ExpressVPN, NordVPN และอีกไม่กี่ค่ายแล้ว การเชื่อมต่อมักจะขาด ๆ หาย ๆ และผมมักจะได้รับข้อความว่า ‘ตรวจพบพร็อกซี’ อยู่ตลอดเวลา
โชคดีที่ Surfshark ไม่เคยทำให้ผมมีปัญหากับการสตรีมมิ่งเลย ผมใช้งาน Netflix ผ่าน Surfshark ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาและไม่มีปัญหากับ Netflix หรือ iPlayer ของ BBC เลย
ลองมาเปรียบเทียบกันดูนะครับ ผมได้ทดสอบกับผู้ให้บริการรายอื่นเมื่อเร็ว ๆ นี้และประสบการณ์การใช้งาน Netflix นั้นไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ นะครับ VPN A (Surfshark!) ให้คุณสตรีมมิ่ง Netflix ได้อย่างง่ายดายและต่อเนื่องไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม ส่วน VPN B มีความเร็วที่ดีแต่มีการบัฟเฟอร์น้อยสุด ๆ ซึ่งทำให้คุณต้องเชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อสลับกันไปมาอย่างนี้ตลอดเวลา คุณจะเลือกแบบไหนล่ะครับ
ราคา 60 บาทต่อเดือนสำหรับการสมัครสมาชิกสองปีทำให้ราคาของ Surfshark นั้นเร้าใจมาก ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ExpressVPN เก็บค่าสมาชิกแบบลดราคาแล้วอยู่ที่ประมาณ 248 บาทต่อเดือน ในขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ NordVPN ได้เพิ่มราคาเป็น 108 บาทต่อเดือน
ฉะนั้น สำหรับบริการที่มีประสิทธิภาพสม่ำเสมอและฟีเจอร์เจ๋งขนาดนี้ ราคานี้ถูกเหมือนได้ฟรีและผมขอบอกว่ามันเป็นตัวเลือกที่น่า “ซื้อ” สุด ๆ
สิ่งหนึ่งที่ผมต้องการจากผู้ให้บริการ VPN ทุกค่ายที่ผมชื่นชอบคือ บริการต้องไม่มีปัญหาซึ่งไม่ใช่เฉพาะการเชื่อมต่อเท่านั้น แต่รวมไปถึงด้านอื่น ๆ ด้วยตั้งแต่การสมัครใช้งานที่ราบรื่น การเข้าถึงแอปพลิเคชั่นที่ผมต้องการดาวน์โหลดอย่างง่ายดาย การใช้งานง่ายของตัวแอปและความช่วยเหลือที่รวดเร็วหากจำเป็น
จาก VPN ทั้งหมดที่ผมเคยใช้ ผมถือว่า Surfshark เป็น หนึ่งในสิบอันดับแรก ที่ผมได้ลองใช้และไม่พบอะไรที่ทำให้ต้องพูดว่า “มันแปลก ๆ นะ” สำหรับผมแล้ว นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้ค่ายนี้แตกต่างจากคู่แข่ง
เราในฐานะลูกค้าที่จ่ายเงินค่าสมาชิกไม่ควรต้องเหน็ดเหนื่อยกับบริการที่เราจ่ายเงินซื้อ ซึ่งรูปแบบที่ Surfshark ใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าก็ราบรื่นดี ตั้งแต่วินาทีที่คุณคลิก “สมัครใช้งาน” ไปจนถึงเวลาที่คุณปิดอุปกรณ์ของคุณ มันทำงานได้ดีตลอดเวลา
บริการ VPN จำนวนมากในปัจจุบันมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมพิเศษบางอย่างในตัวและ Surfshark ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม แทนที่จะพยายามมุ่งเน้นแต่บริการโซลูชั่นด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ค่ายนี้มุ่งเน้นไปที่ฟีเจอร์ซึ่งเข้ามาเสริมวัตถุประสงค์หลักของทางค่าย
ก่อนอื่นนะครับ แม้ผมขึ้นหัวข้อไว้แบบนั้น แต่ต้องขอบอกก่อนว่า Surfshark มีการสนับสนุนอย่างรวดเร็วผ่านการแชทออนไลน์บนเว็บไซต์ แถมยังตอบกลับอีเมลอย่างรวดเร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าในบางกรณีคำตอบของพนักงานฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าดูเหมือนจะทำให้เกิดคำถามในแง่ของความถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น พนักงานฝ่ายบริการลูกค้ารายหนึ่งบอกผมว่า IKEv2 เป็นการตั้งค่าการเชื่อมต่อเริ่มต้นเมื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นของทางบริษัทบน Windows แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง ผมไม่ได้บอกว่าการบริการลูกค้าไม่ดี เพียงแต่อาจจะมีข้อสงสัยเล็กน้อยในบางครั้ง (เป็นข้อสงสัยที่สมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะครับ)
ไม่เหมือนกับผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่ที่ใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์มากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ บัญชี Twitter ของ Surfshark แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย และหน้า Facebook ก็ไม่ค่อยมีการอัปเดต ซึ่งทั้งสองช่องทางดูเหมือนจะมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ข้อเสียอะไรมากมายสำหรับบริษัทและบริการ แต่ก็ทำให้เกิดความสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีกว่าบริการที่ผู้บริโภคนิยมนั้นควรจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่า ควรมีคนสนใจในกิจกรรมของบริษัทมากกว่านี้ อย่างน้อยที่สุดก็คือลูกค้าของทางบริษัทเอง
นอกเหนือจากการสตรีมมิ่ง Netflix แล้ว จุดที่ผมสนใจต่อมาก็คือการแบ่งปันไฟล์แบบ P2P ผมเป็นคนที่ชอบทอร์เรนต์และในขณะที่ Surfshark อ้างว่ารองรับการทอร์เรนต์บนเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ ผมกลับพบว่าความเร็วในการทอร์เรนต์ค่อนข้างแย่เมื่อเปิด Surfshark
ผมต้องใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่น whitelister ของ Surfshark เองเพื่อกำหนดให้การเชื่อมต่อไม่ต้องผ่าน
บริการวีพีเอ็นของ Surfshark เสียเอง เพื่อให้ได้ความเร็วที่เหมาะสมสำหรับการทอร์เรนต์
ถึงตอนนี้คุณรู้หมดแล้วว่าอะไรบ้างที่โดนใจและไม่โดนใจจากการใช้ Surfshark ซึ่งผมต้องขอฟันธงว่ามันเป็นบริการที่เจ๋งมาก ทุกวันนี้ ผมเป็นลูกค้าแบบแพ็กเกจสองปีและผมก็มักจะเลือกใช้อยู่เสมอในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา (มีช่วงพักบ้างเพื่อไปทดสอบบริการของค่ายอื่น ๆ)
ประเด็นสำคัญที่ผมอยากจะเน้นย้ำอีกครั้งเพื่อให้คุณนำไปพิจารณา คือ ความเร็วที่สม่ำเสมอมาก ราคาที่ถูกสุด ๆ และการสตรีมมิ่ง Netflix แบบไม่มีสะดุด คุณบางคนอาจจะอยากใช้งานด้านอื่น ๆ แต่ผมเชื่อว่าในแง่ของประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานและความเป็นส่วนตัว Surfshark โกยคะแนนไปได้เยอะทีเดียว
ความเร็ว
ดีมาก
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ราคาเริ่มต้นที่
62 บาทรายเดือน
การเปิดเผยโฆษณา