ExpressVPN

https://www.expressvpn.com/

 

tl;dr

ExpressVPN มีความโดดเด่นทั้งในด้านความเร็ว ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวและฟีเจอร์ ค่ายนี้มีทุกอย่างที่คนสามารถมองหาได้จากบริการ VPN ที่แข็งแกร่งและจะได้มาในราคายุติธรรมด้วยหากคุณพร้อมที่จะสมัครใช้งานเป็นระยะเวลานาน เรียนรู้เพิ่มเติม

 

รีวิว ExpressVPN: ข้อดี 13 ข้อและข้อเสียเพียง 1 ข้อของการใช้ ExpressVPN

 

เขียนโดย

Daren Low

อัปเดตแล้ว

December 11, 2023

 

 

ExpressVPN เป็นหนึ่งในชื่อที่คนรู้จักมากที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดในธุรกิจ VPN บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 และดำเนินการโดยบริษัทที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน โดยให้บริการที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมานานแล้ว

 

แม้ว่าจะไม่ได้เป็นบริการที่ถูกที่สุด แต่ผมเชื่อว่า ExpressVPN มีอะไรหลายอย่างที่เรามองหา ด้วยฟีเจอร์จำนวนมากมายมหาศาลและเซิร์ฟเวอร์อีกนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่าค่ายนี้ใช่จะมีใครเอาชนะได้ง่าย ๆ

 

 

สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ ExpressVPN

 

1. ระดับความเป็นส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร

 

บริการนี้ดำเนินการโดย Express VPN International Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (British Virgin Islands หรือ BVI) สำหรับผมแล้ว บริษัทจะตั้งอยู่ที่ไหนไม่ควรจะมีผลต่อการจัดอันดับผลิตภัณฑ์ แต่ผมขอยกเว้นกรณีนี้

 

เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องพึงระลึกไว้ว่า คำว่า “บริติชหรือBritish” ที่นำหน้าชื่อนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย เนื่องจาก BVI เป็นดินแดนปกครองตนเอง มีระบบกฎหมายทั้งหมดเป็นของตนเองและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ใต้การบังคับบัญชาของสหราชอาณาจักรเหมือนในอดีต

 

นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันว่า (จากมุมมองของ VPN) ขณะนี้ไม่มีกฎหมายการเก็บรักษาข้อมูลใน BVI ฉะนั้น แม้ว่าบุคคลหรือองค์กรต่างประเทศจะพยายามบีบให้บริษัทใน BVI เปิดเผยข้อมูลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบสวนต่าง ๆ คำสั่งดังกล่าวจะต้องมาจากศาลของ BVI เท่านั้น ทั้งนี้ ขั้นตอนทางกฎหมายนั้นยาวนานและยุ่งยาก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วหากฐานความผิดในการสอบสวนไม่ถือเป็นฐานความผิดตามกฎหมาย BVI ก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้อยู่ดี

 

 

 

2. การปิดการเชื่อมต่อเพื่อปกป้องตัวตนของคุณ

 

เพื่อช่วยเสริมความเป็นส่วนตัว ExpressVPN ยังมีฟังก์ชั่น kill switch (การล็อคเครือข่ายหรือตัดการเชื่อมต่อกับวีพีเอ็นนั่นเอง) ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทเมื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ VPN หลุด หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ kill switch จะตัดการรับส่งข้อมูลทั้งหมดทั้งที่เข้าและออกจากอุปกรณ์ของคุณทันที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อมูลหรือ IP รั่วไหลจากการที่อุโมงค์ VPN ถูกกระทบ

 

ตัวอย่างเช่นสมมติว่าคุณเปิดใช้งานการล็อคเครือข่ายและกำลังทอร์เรนต์ หากการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN หลุดไปไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม กิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณจะหยุดลง อย่างน้อยก็จนกว่าคุณจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN อื่น

 

เพื่อทดสอบสิ่งนี้ ผมได้ลองดาวน์โหลดไฟล์ธรรมดา ๆ ไฟล์หนึ่งและลองปิดซอฟต์แวร์ VPN ระหว่างดาวน์โหลด ผมได้รับข้อความแจ้งว่าเกิดข้อผิดพลาดจากเซิร์ฟเวอร์ไฟล์ทันทีโดยแจ้งว่าการดาวน์โหลดถูกบล็อก

 

 

 

2.1. DNS รั่วไหล : ExpressVPN เป็นส่วนตัวจริงหรือ

 

เพื่อให้แน่ใจว่าการล็อคเครือข่ายใช้งานได้ ผมได้ทำการทดสอบการรั่วไหลของ DNS ไปด้วย หากการล็อกเครือข่ายไม่ทำงาน การเปิดใช้เครื่องมือตรวจสอบการรั่วไหลของ DNS จะช่วยให้เราทราบ ExpressVPN มีเครื่องมือที่คุณสามารถใช้สำหรับเรื่องนี้ หรือคุณอาจจะเลือกใช้เครื่องมืออื่น ๆ ของบุคคลที่สาม เช่น การทดสอบการรั่วไหลของ DNS

 

สิ่งที่คุณต้องทำคือ ไปที่เว็บไซต์และจะได้ทดสอบการเชื่อมต่อของคุณโดยอัตโนมัติ เปรียบเทียบผลการทดสอบกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณเชื่อมต่อ ถ้าตรงกัน คุณก็หายห่วงได้เลย

 

 

 

3. ไม่มีนโยบายบันทึกข้อมูลการใช้งาน

 

นี่เป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวมากกว่าความปลอดภัย เมื่อเราพูดว่าการบันทึก เรากำลังพูดถึงข้อมูลที่ถูกรวบรวมเกี่ยวกับตัวคุณในระหว่างที่ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งน่าจะรวมถึงข้อมูล เช่น ที่อยู่ IP, URL ที่คุณเข้าเยี่ยมชม เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วมันคือกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณนั่นเอง

 

ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN อันดับต้น ๆ ExpressVPN ระบุอย่างชัดเจนว่า จะไม่บันทึกกิจกรรมของคุณ ข้อความของทางบริษัทระบุว่า “ออกแบบแอปและเซิร์ฟเวอร์ VPN ของเราอย่างระมัดระวังเพื่อกำจัดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนให้ได้อย่างเด็ดขาด”

 

สิ่งนี้รวมถึง:

 

 

บริษัทสรุปจุดยืนและนโยบายไว้อย่างประณีตด้วยประโยคเดียว:

 

 

มาพูดให้เห็นภาพชัดกันอีกครั้ง หากผู้ให้บริการ VPN ไม่เก็บข้อมูลประเภทนี้ไว้ ก็ไม่มีทางที่ผู้ให้บริการจะแสดงข้อมูลดังกล่าวได้หากมีความพยายามบังคับให้ทำเช่นนั้น (เช่น ผ่านทางคำสั่งศาล)

 

 

4. แยกอุโมงค์ – เลือกอุปกรณ์เครือข่ายที่จะปกป้อง

 

หากคุณตัดสินใจที่จะใช้ ExpressVPN จากเราเตอร์แทนที่จะใช้ผ่านแอปในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง การแยกอุโมงค์เป็นสิ่งที่คุณอาจจะต้องการ มันช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและในเวลาเดียวกันยังใช้อุปกรณ์อื่นบนเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ระยะไกล แอป ExpressVPN สำหรับเราเตอร์ของคุณสามารถรองรับสิ่งนี้และสามารถกำหนดค่าได้ตามความต้องการของคุณ

 

ตัวอย่างเช่นคุณสามารถกำหนดค่าให้ปกป้องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของคุณบนเครือข่ายเพื่อให้รับส่งข้อมูลผ่าน VPN แต่ปล่อยให้เครื่องพิมพ์มีการรับส่งข้อมูลตามปกติ หากคุณใช้งานร่วมกับคนอื่น คนอื่นก็ยังสามารถใช้เครื่องพิมพ์นั้นได้

 

 

 

5. ExpressVPN รวดเร็ว!

 

ผมได้ทดลองความเร็วกับเซิร์ฟเวอร์ในสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน 5 แห่งและผมสังเกตเห็นว่า ยิ่งตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ห่างจากจุดที่ผมอยู่มากเท่าไหร่ ความเร็วจะยิ่งช้าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งภายใต้สถานการณ์ปกติ ความเร็วเกือบแตะ 500 Mbps ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของผมได้โฆษณาไว้

 

 

การทดสอบความเร็ว ExpressVPN – เซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา

 

 

 

การทดสอบความเร็ว ExpressVPN – เซิร์ฟเวอร์ยุโรป (เยอรมนี)

 

 

 

การทดสอบความเร็ว ExpressVPN – เซิร์ฟเวอร์แอฟริกา (แอฟริกาใต้)

 

 

 

การทดสอบความเร็ว ExpressVPN – เซิร์ฟเวอร์เอเชีย (สิงคโปร์)

 

 

 

การทดสอบความเร็ว ExpressVPN – เซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย

 

 

 

 

6. การเข้ารหัสระดับเดียวกับหน่วยงานรัฐบาล

 

ในบรรดาฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดที่ VPN ให้เราได้นั้น เราได้พูดถึงความเป็นส่วนตัวและความเร็วกันไปแล้ว ตอนนี้มาถึงความปลอดภัยซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบหลัก ซึ่งเมื่อพูดถึง VPN ก็จะประกอบด้วยองค์ประกอบสองอย่าง อย่างแรกคือประเภทของการเข้ารหัสที่ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณและโปรโตคอลที่ใช้เพื่อรับส่งข้อมูลของคุณ ทั้งนี้ ExpressVPN Advanced Encryption Standard มาพร้อมการเข้ารหัสระดับ 256 บิต (AES-256)

 

มาตรฐานการเข้ารหัสระดับนี้เป็นสิ่งที่ใช้รักษาความลับของรัฐบาลจำนวนมากทั่วโลก การเข้ารหัสด้วย 256 บิตหมายความว่ามีชุดรหัสผสมผสานได้มากมายซึ่งยากเหลือเกินต่อการถอดรหัสหากใครต้องการทะลุทะลวงเข้าถึงข้อมูลของคุณ

 

 

7. ตัวเลือกโปรโตคอลมากมาย

 

VPN อาศัยสององค์ประกอบหลักเพื่อปกป้องตัวตนและกิจกรรมของคุณให้ปลอดภัย องค์ประกอบแรกคือการเข้ารหัสที่ผมได้พูดถึงข้างต้น แต่ก็ยังมีเรื่องของการส่งผ่านข้อมูลซึ่งผ่านช่องสัญญาณที่ปลอดภัย อุโมงค์แต่ละประเภทมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์จากการผสมผสานระหว่างความเข้ากันได้และความเร็ว

 

ยกตัวอย่างเช่น L2TP เทียบกับ PPTP ทั้งสองเป็นโปรโตคอลอุโมงค์แต่ L2TP มีการเข้ารหัสที่ดีกว่า (128 บิตเทียบกับ 256 บิต)

 

ExpressVPN ให้คุณเลือกโปรโตคอลการสร้างอุโมงค์ที่แตกต่างกัน คุณสามารถเลือกแบบเฉพาะเจาะจงได้ตามที่คุณต้องการหรือเพียงแค่ปล่อยให้ ExpressVPN เลือกให้คุณ แน่นอนว่าโปรโตคอลแต่ละอย่างมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ดังนั้นคุณจะต้องพิจารณาเอาเองว่าความเร็วและความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเองคืออะไร

 

 

8. ตำแหน่งที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์หลากหลาย

 

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ExpressVPN ดูแลเซิร์ฟเวอร์ใน 148 เมืองใน 94 ประเทศโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ อเมริกา ยุโรป เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลางและแอฟริกา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดจะมีโปรโตคอลการสร้างอุโมงค์แบบเดียวกัน

 

 

แม้ว่า ExpressVPN จะมีโปรโตคอลความปลอดภัยให้เลือกถึง 7 แบบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเซิร์ฟเวอร์ในเครือข่ายจะรองรับโปรโตคอลทุกแบบ โชคดีที่ทางบริษัทมีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากหมายซึ่งความว่า แม้ว่าคุณจะเจอกับเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่รองรับโปรโตคอลที่คุณต้องการ แต่คุณก็มีโอกาสที่จะเจอเซิร์ฟเวอร์ตัวอื่นที่อยู่ใกล้เคียงและรองรับโปรโตคอลที่คุณต้องการได้

 

 

 

9. เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 3 เครื่องพร้อมกันและติดตั้งง่าย

 

การสมัคร ExpressVPN แต่ละบัญชีรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพร้อมกัน 3 เครื่อง

 

เมื่อคุณอยู่บ้าน คุณสามารถตั้งค่าการใช้งานผ่านเราเตอร์ของคุณซึ่งคุณจะใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้เลย ส่วนถ้าอยู่นอกบ้าน ผมไม่คิดว่าคุณจะใช้อะไรมากไปกว่าแล็ปท็อป สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (หรือต่อให้ใช้พร้อมกัน 3 เครื่องเลยก็ตาม)

 

 

เมื่อคุณลงชื่อสมัครเปิดบัญชีแล้ว คุณจะได้รับรหัสผ่านเพื่อใช้สำหรับบัญชีของคุณ กรุณาเปลี่ยนรหัสผ่านให้เป็นแบบที่คุณรู้เพียงคนเดียวให้เร็วที่สุด เมื่อคุณดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะเข้าสู่หน้าคำแนะนำและมีตัวเลือกว่าคุณต้องการติดตั้งบริการ VPN ที่ใด

 

คำแนะนำต่าง ๆ อธิบายไว้อย่างละเอียด (พร้อมกับวิดีโอ!) เกี่ยวกับวิธีตั้งค่า ExpressVPN กับ อุปกรณ์ทุกชนิดเกือบทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก มันอาจจะฟังดูเกินจริงไปเล็กน้อยแต่ผมมั่นใจว่า อุปกรณ์หลัก ๆ เกือบทั้งหมดใช้งานกับบริการนี้ได้

 

สำหรับมือใหม่ก็แค่ทำตามคำแนะนำ นอกจากนี้ แม้ว่าคุณจะเจอกับปัญหาอะไรก็แล้วแต่ จำได้ไหมครับว่าผมพูดไว้ตั้งแต่แรกว่าค่ายนี้ให้บริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแค่ติดต่อเข้าไปหาใครสักคนเท่านั้นเอง

 

 

 

10. คุณสามารถชำระด้วย BitCoin

 

ในขณะที่ผู้ให้บริการ VPN มักจะพูดถึงทฤษฏีการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ผมมักจะสงสัยว่าจะทำได้ยังไง ในเมื่อเส้นทางการชำระเงินเห็นกันได้อย่างชัดเจนหากผู้ใช้บริการจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือแม้แต่ PayPal อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณกระแสนิยมการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่กำลังมาแรงซึ่งผู้ให้บริการก็ได้เข้าร่วมขบวนไปด้วย ตอนนี้ ExpressVPN ยอมรับการชำระเงินด้วย BitCoin แล้ว

 

 

วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องเปิดเผยตัวตนเนื่องจากไม่มีทางแกะรอยกลับมาหาคุณผ่านหลักฐานช่องทางการชำระเงิน

 

สำหรับผู้ที่ยังไม่มี BitCoin คุณต้องมีสองอย่างนี้ ก) กระเป๋าเงิน BitCoin และ ข) BitCoin บางส่วน Investopedia มีคำแนะนำวิธีการซื้อ BitCoin ที่เป็นประโยชน์

 

 

11. ใช้ทอร์เรนต์ได้!

 

การแชร์ไฟล์แบบ Peer-to-Peer เป็นสิ่งที่ทั่วโลกถกเถียงกันมานาน บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งกดดันให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตติดตามและลงโทษผู้ใช้ P2P สำหรับอะไรทั้งหลายตั้งแต่การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปจนถึงการละเมิดกฏหมายลิขสิทธิดิจิทัลที่รู้จักกันในชื่อ DMCA

 

การใช้ VPN ช่วยขจัดความเสี่ยงในเรื่องนี้ให้กับผู้ใช้ P2P แต่สิ่งที่สำคัญคือบริการ VPN บางแห่งไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรม P2P หรือจำกัดการใช้งาน แต่ถ้าคุณใช้ ExpressVPN คุณหายห่วงได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายนี้ยังจัดให้มีหน้าสำหรับสอน วิธีการตั้งค่าทอร์เรนต์ ให้กับผู้ใช้บริการด้วย !

 

 

ความเร็วในการทอร์เรนต์บน ExpressVPN ดีไม่ต่างจากที่ผมได้เป็นปกติซึ่งถือว่าค่อนข้างเจ๋งเลยทีเดียว (อย่างน้อยก็กับอีกเครือข่ายหนึ่งที่ผมใช้ความเร็วได้ 50Mbps)

 

 

12. เข้าถึงเนื้อหา Netflix ที่จำกัดให้เฉพาะภูมิภาค

 

ย้ำกันอีกครั้งนะครับว่า อีกบริษัทหนึ่งที่พยายามปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงเนื้อหาที่นำเสนออยู่ในต่างภูมิภาคคือ Netflix บริษัทนี้จำกัดผู้ใช้บริการตามภูมิภาคซึ่งทำให้ผู้ใช้บริการในภูมิภาคต่าง ๆ ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาในภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากภูมิภาคของตัวเองได้ ExpressVPN ช่วยให้ผู้ใช้บริการ Netflix สามารถเข้าถึงเนื้อหาเหล่านี้ได้จากทุกที่บนโลกใบนี้ แถมยังสอนด้วยว่าต้องทำยังไง ดูวิธีปลดล็อกเนื้อหา Netflix

 

 

 

13. การช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่ยอดเยี่ยม

 

ผมเจอปัญหาตอนที่พยายามตั้งค่า ExpressVPN บน TP-Link Archer C7 ของผม ฉะนั้น ผมเลยมีข้ออ้างที่ดีในการลองใช้บริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าของทางบริษัท

 

ผมได้ลองใช้บริการแชทสดซึ่งรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง ภายในไม่กี่วินาทีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าก็เข้ามาในช่องทางแชทของผมและเราก็ได้พูดคุยกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้ามีความรู้และช่วยเหลือดีมากในระหว่างการสนทนาให้บริการ

 

แม้ว่าเราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาระหว่างการแชทได้ แต่ผมได้รับคำแนะนำอย่างละเอียดผ่านทางอีเมล

 

 

เอาละ สำหรับตัวผมเองนั้นไม่ใช่คนไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี แต่ผมเห็นได้เลยว่าการผสมผสานวิธีการเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ที่ใช้ VPN มากน้อยแค่ไหน

 

ผมให้คะแนนเต็มสำหรับระบบช่วยเหลือสนับสนุนของค่ายนี้!

 

 

สิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ ExpressVPN

 

ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

 

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่ ExpressVPN มักจะถูกพูดถึงว่ามีราคาแพง (ผมเองก็เห็นด้วยในระดับหนึ่ง) แต่ผมอยากจะยกตัวอย่างปัจจัยที่เราใช้ในการตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง คุณสามารถเลือกสองในสามตัวเลือกนี้ ได้แก่ ถูก ดีและปลอดภัย คุณจะเลือกอะไรเมื่อมองหาสิ่งที่จะเสริมความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของคุณ

 

การสมัครสมาชิก ExpressVPN แบบรายเดือนจะทำให้คุณต้องจ่ายในราคา 400 บาทต่อเดือน แต่ราคานี้จะลดลงอย่างมากเหลือ 280 บาทต่อเดือนหากคุณเลือกที่จะสมัครแบบราย 12 เดือน

 

 

แพ็กเกจ ExpressVPN และราคา

 

 

การกำหนดราคาสำหรับ ExpressVPN นั้นคิดตามได้ง่าย ๆ หากคุณจ่ายแบบรายเดือน คุณจะต้องเจอกับราคาที่สูงคือ 400 บาทต่อเดือน หากคุณเลือกที่จะจ่ายทุก ๆ หกเดือน ราคาก็จะลดเหลือ 310 บาทต่อเดือนเพียงแต่เป็นการจ่ายล่วงหน้าเท่านั้น

 

ราคาดีที่สุดมาพร้อมกับการสมัครใช้งานรายปีและจ่ายทีเดียวปีละครั้งซึ่งราคาก็จะลดลงเหลือ 280 บาทต่อเดือน (ส่วนลด 35%) นั่นหมายความว่าคุณจะได้รับ 6 เดือนฟรีเมื่อเทียบกับการชำระเงินรายเดือน!

 

ราคาเหล่านี้รวมแบนด์วิดธ์ทั้งหมดที่คุณสามารถรองรับได้ รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไม่จำกัดไปยังเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กระจายอยู่ทุกแห่งทั่วโลก เรียกว่าเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ทุก ๆ 5 นาทีได้เลยหากคุณต้องการ !

 

ไม่ว่าในกรณีใด ExpressVPN พร้อมรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งหมายความว่าทางบริษัทค่อนข้างแน่ใจว่าคุณจะไม่รู้สึกเสียใจทีหลังกับการสมัครใช้งาน

 

 

สรุป: ExpressVPN คุ้มค่ากับราคาที่สูงหรือไม่

 

สำหรับผม นี่เป็นครั้งแรกของการเข้าสู่โลกแห่ง VPN ที่แท้จริง จริงอยู่ผมมีความรู้ทางเทคนิค แต่ยังไม่ได้สัมผัสประสบการณ์จริง ๆ โดยตรง ต้องบอกว่าทักษะทางเทคนิคนั้นไม่ยากและสามารถได้มาจากการอ่านเพียงเล็กน้อย

 

การได้ลองใช้ ExpressVPN จะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินได้หลายอย่าง มันเป็นบริการที่สุดยอดมากและมีฟังก์ชันทุกอย่างที่ผมต้องการ (ผมชอบทอร์เรนต์) และบางอย่างที่ผมไม่ต้องการ (ผมไม่ได้ใช้ Netflix) และมีค่าสมัครสมาชิกระยะยาวที่เฉลี่ยอยู่ประมาณ 200 กว่าบาทต่อเดือน ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากเพื่อแลกกับความสบายใจ

 

ผมพบข้อเสียเพียงอย่างเดียวในการตั้งค่าโมเด็มเนื่องจากบรอดแบนด์ของผมใช้ PPPoE ในการเชื่อมต่อและผมไม่มีตัวสำรองสำหรับใช้รองรับ ExpressVPN ฉะนั้น คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ลืมคำเตือนก่อนหน้านี้ของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้หากคุณตั้งใจจะสมัครใช้งาน