CyberGhost
CyberGhost เป็นชื่อที่ผมแน่ใจว่าคุณเคยได้ยินมาก่อน ถ้าคุณเคยค้นหาบทความเกี่ยวกับบริการ VPN หรือบริการเครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล บริษัทนี้ตั้งอยู่ในประเทศโรมาเนียซึ่งอยู่นอกกลุ่ม 14 ประเทศยุโรปที่มีข้อตกลงแบ่งปันข้อมูลด้านข่าวกรองหรือที่เรียกกันว่ากลุ่ม 14 ตาแห่งยุโรป และปัจจุบันบริหารเซิร์ฟเวอร์กว่า 6,000 แห่งใน 89 ประเทศทั่วโลก ผมไม่เคยเจอผู้ให้บริการ VPN ที่ทำให้ผมรู้สึกสองจิตสองใจขนาดนี้มาก่อน ถ้าว่ากันแบบสั้น ๆ หากมองข้ามข้อบกพร่องบางอย่างที่สำคัญไปได้ ค่ายนี้ถือว่ามีการป้องกันความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ดี ความเร็วที่เหมาะสม แต่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ต้องคิดดูอีกทีสำหรับแฟน ๆ การแบ่งปันไฟล์แบบ P2P เรียนรู้เพิ่มเติม
รีวิว CyberGhost: ข้อดี 5 ข้อและข้อเสีย 3 ข้อของการใช้ CyberGhost!
Cyberghost Black Friday Sale 2023 - ตอนนี้มีชีวิตอยู่
รับ 84% สำหรับ Cyberghost VPN พร้อม 4 เดือนพิเศษฟรี! ดูข้อเสนอ.
CyberGhost นั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จะบอกว่าเป็นที่รู้จักกันดีก็ไม่ใช่ แต่ถ้าจะบอกว่าไม่เป็นที่รู้จักเลยก็ไม่ใช่เหมือนกัน มันไม่ใช่ชื่อที่ทุกคนจะรู้จักหรือบางทีคุณอาจจะรู้จักถ้าเคยค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ VPN โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการค้นคว้าหาข้อมูลจะส่งผลให้คุณมีมุมมองเกี่ยวกับบริษัทนี้อย่างไร แต่ที่แน่ ๆ คือ บริษัทเติบโตมาตลอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2011 และปัจจุบันยังมีเซิร์ฟเวอร์ในเครือข่ายมากกว่าบริษัทชื่อดังอย่าง NordVPN (เซิร์ฟเวอร์มีจำนวนมากจนผมประทับใจ)
สารบัญ
ข้อดีของ CyberGhost
- เค้าโครงเครือข่ายขนาดใหญ่ทั่วโลก
- รองรับหลายแพลตฟอร์ม
- ความเร็วที่เหมาะสมและเสถียร
- ราคาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานระยะยาว
- เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง อย่างเช่น Netflix
ข้อเสียของ CyberGhost
ข้อสรุป
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ CyberGhost
1. เค้าโครงเครือข่ายขนาดใหญ่ทั่วโลก
การที่มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 6,000 แห่งใน 89 ประเทศให้เลือกอาจจะทำให้คนคิดว่าเยอะขนาดนี้น่าจะเพียงพอที่จะตั้งไว้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลกได้เลยทีเดียว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ มีเซิร์ฟเวอร์ในหลายประเทศสำคัญและที่ตั้งซึ่งสำคัญในเชิงกลยุทธ์เป็นพิเศษ
ผลคือความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่ผมได้ประเมินไป พูดตรง ๆ นะครับ สำหรับพื้นที่ครอบคลุมที่กว้างขวางขนาดนี้ โอกาสที่คุณจะพบตัวเลือกอื่น ๆ อีกมากมายที่ใกล้เคียงกันเป็นไปได้ยาก
1.1 ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่เป็นเอกลักษณ์
CyberGhost มีหลายสิ่งหลายอย่างมากเสียจนผมแทบไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี สำหรับผู้ให้บริการ VPN บริษัทนี้ถือว่าให้ ‘ความพิเศษ’ ที่น่าประทับใจหลายอย่างเมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย บางทีอาจจะเป็นเพราะบริษัทมีภูมิหลังมาจากผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยก็ได้ จึงมีความโดดเด่นเป็นพิเศษในด้านนี้
บังคับการเชื่อมต่อ HTTPS
เริ่มจากสิ่งที่ผมสนใจมากที่สุด นั่นคือ การที่ลูกค้าของ CyberGhost สามารถบังคับให้มีการเชื่อมต่อ HTTPS กับเว็บไซต์ที่ต้องการเข้าชมได้ จริงอยู่ว่าเราอาจจะทำผ่านทางปลั๊กอินของเบราว์เซอร์ได้ แต่เนื่องจากคุณต้องการใช้บริการ VPN อยู่แล้ว การมีทุกอย่างรวมไว้ในที่เดียวก็น่าจะดีกว่าใช่ไหมครับ
เพื่อให้เห็นภาพของประโยชน์ที่เกิดจากการบังคับการเชื่อมต่อ HTTPS ลองสมมติว่าคุณเข้าไปในเว็บไซต์ของธนาคาร การเชื่อมต่อ HTTPS จะทำให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของคุณที่วิ่งไปยังบัญชีธนาคารของคุณจะปลอดภัยตลอดเส้นทางการรับส่งข้อมูล
บล็อกการติดตามทางออนไลน์
ถัดมาคือการที่ CyberGhost สามารถลบเนื้อหาหรือรหัสบางอย่างในเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมซึ่งอาจจะคอยติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ สิ่งนี้จะป้องกันไม่ให้คุณถูกติดตามจากสิ่งที่คุณไม่รู้ซึ่งเป็นบริการที่ทุก VPN น่าจะทำอยู่แล้ว การปิดกั้นการติดตามทางออนไลน์เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกวันนี้ เนื่องจากการเก็บข้อมูลทางออนไลน์ของหลายบริษัทเริ่มมีลักษณะละลาบละล้วงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยกตัวอย่างเช่น Google ซึ่งตัดสินใจว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะทำให้ระบบปฏิบัติการมือถือ Android คอยแจ้ง Google ให้ทราบตลอดเวลาว่าผู้ใช้อยู่ที่ไหน นอกจากนี้ การติดตามตำแหน่ง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Google เพียงอย่างเดียว ฉะนั้น ทำไมจึงไม่ให้ CyberGhost บล็อกข้อมูลพวกนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ล่ะ
การบล็อกโฆษณาและการป้องกันไวรัส
CyberGhost ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีจนมีตัวบล็อกโฆษณารวมไปถึงการป้องกันไวรัสและเว็บไซต์ไม่พึงประสงค์ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้โฆษณาที่น่ารำคาญแสดงขึ้นมาบนหน้าจอ รวมถึงช่วยให้คุณปลอดภัยจากเนื้อหาของบางเว็บไซต์ที่อาจจะเป็นอันตรายได้
1.2 ตัวเลือกที่ดีของโปรโตคอลและการเข้ารหัส
สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก VPN มากเท่าไหร่นัก ข้อดีหลัก ๆ ของ VPN คือ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวคือการที่คนอื่นไม่รู้ว่าคุณเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่ การรักษาความปลอดภัยคือการที่คนไม่สามารถสอดแนมสิ่งที่คุณกำลังทำ สิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างความปลอดภัยคือส่วนประกอบหลักสองอย่างได้แก่ ตัวของโปรโตคอลเองกับประเภทของการเข้ารหัส
CyberGhost มีข้อดีอย่างหนึ่งตรงที่มันรองรับโปรโตคอลหลักเกือบทั้งหมด (แม้แต่โปรโตคอลที่ผมไม่แนะนำให้ใช้เพราะมันล้าสมัยอย่าง L2TP) โปรโตคอลเหล่านี้มีระดับการเข้ารหัสที่แตกต่างกันซึ่งสูดสุดอยู่ที่ 256 บิต
ประเด็นสำคัญคือ ทางเลือกอยู่ในมือของคุณ โปรโตคอลและระดับการเข้ารหัสสามารถปรับได้ตามความต้องการของคุณ โปรโตคอลที่แตกต่างกันรองรับความเร็วในระดับที่แตกต่างกันและเห็นได้ชัดว่ายิ่งเข้ารหัสในระดับสูงขึ้นเท่าไหร่ การเชื่อมต่อ VPN ก็น่าจะช้าลงเท่านั้น (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ด้วย)
หากสิ่งที่คุณต้องการจาก VPN คือ แค่ช่วยอำพรางไอพีของคุณและคงระดับความปลอดภัยไว้ในระดับพอประมาณ คุณก็สามารถเลือกระดับการเข้ารหัสที่ต่ำซึ่งจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการเชื่อมต่อที่ความเร็วสูงได้หรือหากคุณเป็นคนขี้หวาดระแวงและต้องการความปลอดภัยขั้นสูงสุด CyberGhost ก็ช่วยคุณได้เช่นกัน
1.3 เซิร์ฟเวอร์ผ่านการปรับแต่งและจัดประเภทเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย
เนื่องจาก CyberGhost เป็นแหล่งรวมเซิร์ฟเวอร์มากถึง 6,000 เซิร์ฟเวอร์ จึงน่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าจะไม่มีปัญหาในการเลือกการเชื่อมต่อใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้ว ก็อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว ลองนึกภาพตัวคุณเองนั่งที่ร้านอาหารและมีเมนูมาให้เลือก 6,000 รายการดูสิครับ คุณคิดว่าจะเลือกถูกหรือเปล่า
โชคดีที่บริษัทได้ตั้งค่าและจัดกลุ่มเซิร์ฟเวอร์อย่างละเอียดรอบคอบซึ่งหมายความว่ากลุ่มของเซิร์ฟเวอร์แต่ละกลุ่มได้รับการเสริมประสิทธิภาพให้เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน คุณจะเลือกกลุ่มไหนแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณ คุณอาจจะมีรายชื่อสถานที่โปรดอยู่แล้วสำหรับใช้ในการอำพรางตำแหน่งที่ตั้งจริงของคุณหรืออาจจะเลือกจากในรายชื่อที่ระบบจัดให้มาเป็นกลุ่ม ๆ อยู่แล้ว เช่น กลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่คนใช้หนาแน่นน้อยที่สุดกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่เน้นเป็นพิเศษเรื่องความปลอดภัยจากการสอดแนม หรือแม้แต่กลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่คนใช้หนาแน่นมากที่สุด (ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณจะต้องการกลุ่มหลังสุดนี้)
สมมติว่าคุณเป็นแฟนตัวยงของการทอร์เรนต์และมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการแชร์ไฟล์แบบ P2P เป็นชีวิตจิตใจ CyberGhost ก็จะเสริมประสิทธิภาพให้กับเซิร์ฟเวอร์กลุ่มหนึ่งไว้สำหรับรองรับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
2. รองรับหลายแพลตฟอร์ม
สำหรับบ้านที่มีคอมพิวเตอร์แม่ข่ายในระบบ Linux คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้วินโดวส์ คอมพิวเตอร์แมครวมถึงสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่าง ๆ ขอบอกเลยว่าคุณโชคดีมาก ! CyberGhost รองรับอุปกรณ์ได้สูงสุด 7 เครื่องต่อหนึ่งบัญชีซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่ใจดีที่สุดรายหนึ่งเท่าที่ผมเคยพบมา ว่ากันแบบตรงไปตรงมานะครับ ทุกวันนี้ โดยเฉลี่ยแล้วบ้านทุกบ้านมีอุปกรณ์เหล่านี้หลายชิ้นเป็นอย่างน้อย ดังนั้น ตัวเลขนี้จึงเป็นจำนวนที่เหมาะสม
ผู้ให้บริการ VPN หลายรายจะรองรับอุปกรณ์และระบบทั่วไปตามปกติ เช่น Windows, Linux, MacOS, Android, iOS และเราเตอร์บางตัว หากคุณสังเกตดูจากรูปด้านบนก็เห็นว่า CyberGhost ยังใช้ได้กับ Raspberry Pi, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในเครือข่ายหรือ NAS บางตัวและแม้กระทั่งอุปกรณ์เสมือน!
ผมรู้สึกประทับใจสุด ๆ กับความพยายามของ CyberGhost ที่ต้องการมอบตัวเลือกอันหลากหลายขนาดนี้ให้กับลูกค้า
ผมต้องเตือนอีกครั้งสำหรับผู้ที่คิดว่าพวกเขาจะได้รับมากกว่าอุปกรณ์ X ต่อขีดจำกัดบัญชีโดยการโยน VPN ไปยังเราเตอร์เนื่องจากได้รับการสนับสนุน
หมายเหตุ
การใช้บริการ VPN บนเราเตอร์ของคุณจะช่วยให้คุณเอาชนะข้อจำกัดของการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกันซึ่ง VPN ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงินเพิ่มหากทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม การใช้บริการผ่านเราเตอร์มีข้อเสียคือ ในเกือบทุกกรณี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเราเตอร์ที่ใช้งานตามบ้านทั่วไป) การทำเช่นนั้นจะทำให้การรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงเมื่อเทียบกับการใช้แอป VPN เฉพาะอุปกรณ์ เนื่องจากเราเตอร์มีศักยภาพน้อยกว่าในการรองรับการเข้ารหัสข้อมูลที่จำเป็นในแบบเรียลไทม์ซึ่งทำให้การรับส่งข้อมูลช้าลง
3. ความเร็วที่เหมาะสมและเสถียร
ในขณะที่ผมไม่สามารถพูดได้ว่า CyberGhost มาพร้อมความเร็วแบบสายฟ้าแล่บ แต่ผมต้องยอมรับว่าเซิร์ฟเวอร์บางแห่งมีศักยภาพสูงมาก โปรดทราบว่าผลการทดสอบความเร็วด้านล่างเป็นการทดสอบด้วยความเร็วบรอดแบนด์ในปัจจุบันของผมซึ่งตามทฤษฏีถูกจำกัดไว้ที่ 500 Mbps โดยส่วนใหญ่ความเร็วที่ได้ในภาคปฏิบัติอยู่ในระดับใกล้เคียงหรืออย่างน้อยประมาณ 450 Mbps ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี
VPN ทั่วไปมักจะลดแบนด์วิดธ์ลงบ้าง ฉะนั้น ผมเลยทำใจไว้เลยว่า ความเร็วจะลดลงไม่ว่าผมจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ไหนก็ตาม แน่นอน ปัจจัยอื่น ๆ มีส่วนด้วยเช่นกัน เช่น ระยะทางระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับตำแหน่งที่ตั้งของผม โหลดเซิร์ฟเวอร์และอื่น ๆ
การทดสอบ CyberGhost ด้วย SpeedTest ซึ่งน่าเชื่อถือมากนั้น ผมพบว่าความเร็วจากทั่วโลกแตกต่างกันอย่างมาก สิ่งที่ยิ่งน่าแปลกใจสำหรับผมก็คือ เซิร์ฟเวอร์ในสิงคโปร์เร็วกว่าเซิร์ฟเวอร์ในมาเลเซียซึ่งเป็นจุดที่ผมอยู่เสียอีก ผมได้แต่สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเพราะโครงสร้างพื้นฐาน
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือกอยู่ไกลออกไปจากตำแหน่งจริงของคุณมากเท่าไหร่ อัตราสัญญาณปิงก็จะยิ่งสูงขึ้นและความเร็วช้าลง นี่เป็นเรื่องที่คุณต้องทำใจไม่ว่าคุณจะเลือกใช้บริการ VPN ค่ายไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตที่สำคัญของผมคือ ผมสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 500 Mbps อยู่เสมอ
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็วของ CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์สหภาพยุโรป (เยอรมนี)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์แอฟริกา (แอฟริกาใต้)
การที่ความเร็วจากแอฟริกาดีขึ้นเมื่อใช้ VPN น่าจะเป็นเพราะมีการบีบลดแบนด์วิดธ์ระหว่างการเชื่อมต่อแบบปกติ ตัวเลขที่เห็นถูกต้องแล้วครับเนื่องจากผมได้ตรวจสอบสองสามครั้งเพื่อสังเกตหาความผิดปกติ
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์เอเชีย (สิงคโปร์)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
3.1 ความเร็วพื้นฐานดีสำหรับการใช้งานทอร์เรนต์
CyberGhost ทำงานอย่างหนักเพื่อขยายเครือข่ายและศักยภาพ ครั้งก่อนผมได้ทดสอบเซิร์ฟเวอร์ทอร์เรนต์ที่อยู่ใกล้ผมที่สุดซึ่งตอนนั้นอยู่ในอินเดีย (หรืออาจจะญี่ปุ่น) นับจากนั้นทางบริษัทได้เพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถใช้ทอร์เรนต์ได้อย่างต่อเนื่องและตอนนี้ก็มีอยู่ในสิงคโปร์ด้วย
สำหรับผม สิงคโปร์เป็นตำแหน่งที่ตั้งในฝันเลยทีเดียวและคุณสามารถใช้ตัวเลขที่ผมได้จากการทดสอบเซิร์ฟเวอร์สิงคโปร์เป็นตัวเลขอ้างอิงได้เลย และความเร็วในการใช้งานแบ่งปันไฟล์แบบ P2P คงที่ตลอดเวลาและเสถียรอยู่ในระดับนั้นตลอดสองสามวัน
ขอให้จำไว้ว่า ผมได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวเพื่อการใช้งานทอร์เรนต์โดยเฉพาะ ผู้ให้บริการ VPN บางรายที่ผมได้ลองมาจะยอมให้ใช้งานทอร์เรนต์ได้ทุกที่ไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ไหนก็ตาม ซึ่งต่างจาก CyberGhost ที่เข้มงวดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเอาการ ผมเคยลองใช้งานทอร์เรนต์กับเซิร์ฟเวอร์ที่ค่ายนี้ระบุไว้ว่า ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสำหรับการใช้งานทอร์เรนต์ ซึ่งผลที่ได้คือความเร็วในการดาวน์โหลดลดลงเหลือศูนย์เลยทีเดียว
4. ราคาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานระยะยาว
ราคาปกติของ CyberGhost จะอยู่ที่ 402 บาทสำหรับการสมัครสมาชิกแค่เดือนเดียว ซึ่งถ้าคุณอยากจะใช้เป็นเวลานาน ค่าใช้จ่ายก็จะสูงมาก แต่ถ้าคุณพร้อมจะสมัครสมาชิกระยะยาว ราคาจะลดฮวบลงจนอดใจไม่ไหว อันที่จริง เราได้สมัครสมาชิกสำหรับแพ็กเกจ 3 ปีซึ่งไม่เพียงแต่ราคาจะลดลงเหลือ 85 บาทต่อเดือน แต่เรายังได้แถมฟรีมาอีก 2 เดือน (รวมทั้งหมดเป็น 38 เดือน!)
ถ้าเทียบกับคุณภาพคับแก้วที่คุณจะได้รับจากค่ายนี้ ราคานี้ถือว่าถูกเหมือนได้ฟรี ฉะนั้น สมัครกันได้เลยโดยไม่ต้องลังเลใจ
รับประกันคืนเงินใน 45 วัน!
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการลองก่อนตัดสินใจซื้อ คุณสบายใจและมั่นใจได้กับการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันจาก CyberGhost เรื่องนี้ได้รับการระบุไว้อย่างชัดเจนในหน้าคำถามที่พบบ่อยและไม่ได้เขียนด้วยภาษากฏหมายที่อ่านเข้าใจยาก
หมายเหตุ
CyberGhost มีเวลาให้ 45 วันหลังจากสมัครและนโยบายการคืนเงินนี้มีไว้สำหรับการสมัครสมาชิก 6 เดือนหรือมากกว่านั้น สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการซื้อที่ผิดพลาดและมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์ บางอย่าง เช่น ถ้าลูกค้าไม่สามารถใช้บริการของเราได้ (ตัวอย่างเช่นเมื่อ ISP ของคุณบล็อกการเชื่อมต่อ VPN)
* การสมัครสมาชิกรายเดือนสามารถขอเงินคืนได้ภายใน 14 วัน
ในความเป็นจริง คุณสามารถทดลองใช้งานฟรีได้ด้วยการทดลองใช้งานฟรี 7 วันโดยไม่มีข้อผูกมัดหรือเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
5. เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง อย่างเช่น Netflix
ขอย้ำอีกครั้งว่า การที่ CyberGhost จัดกลุ่มเซิร์ฟเวอร์สำหรับการใช้งานด้านต่าง ๆ อย่างชัดเจนมีประโยชน์มาก ทางบริษัทได้ทำการจัดกลุ่มและเสริมประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมมิ่งวิดีโอเช่นกัน ซึ่ง Netflix เป็นเพียงหนึ่งในบริการสตรีมมิ่งวิดีโอที่ทางบริษัทคิดว่าคุณอาจจะอยากใช้งาน อย่างไรก็ตาม ในการเข้าถึง Netflix ที่สหรัฐอเมริกา สิ่งที่คุณต้องทำคือ เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งในสหรัฐอเมริกาซึ่งทางบริษัทได้เสริมประสิทธิภาพไว้แล้วสำหรับการสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ
พูดกันตรง ๆ นะครับว่า Netflix ไม่ชอบการอำพรางตำแหน่งที่ตั้งจริง ๆ ของคุณและได้พยายามทุกวิถีทางในการกำจัดบริการทำนองนี้ ให้ได้มากที่สุด แต่ CyberGhost ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรและยังรับประกันด้วยว่าคุณสามารถเข้าถึงสตรีมมิ่งของ Netflix ที่สหรัฐอเมริกาได้
สำหรับผู้ใช้ Windows แอปของค่ายนี้มีตัวเลือกในการปลดบล็อกการสตรีมมิ่งซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้สนุกเต็มที่กับบริการสตรีมมิ่งจากหลากหลายค่าย คุณไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูกกับวิธีการใช้งานเพราะคุณแค่คลิกก็ใช้งานได้เลย การปลดล็อคจะขึ้นอยู่กับรายชื่อที่ได้รับการอัพเดทเป็นการภายในทุกวันโดย CyberGhost
สิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ CyberGhost
1. ไม่ทำงานนอกกรอบ
แม้ว่าข้อนี้อาจจะไม่ถึงกับทำให้เราเลิกใช้บริการค่ายนี้และแน่นอนว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ของผมในเรื่องนี้ ผมเป็นแฟนตัวยงของ plug and play และ CyberGhost Windows Client ออกจะแปลก ๆ สำหรับผม แน่นอนว่ามันติดตั้งและเริ่มต้นแอปพลิเคชั่นได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อผมคลิกปุ่มเริ่มใช้งาน มันก็ควรจะ..ไปใช่ไหมครับ
แต่ของผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมผิดหวังมากและผมต้องมานั่งหาคำตอบว่าทำไม มันใช้เวลาไม่นานและช่วยให้ผมรู้เลยว่าการตั้งค่าเริ่มต้นล่วงหน้าไม่เหมาะกับผมจริงๆ ผมต้องทำการเลือกโปรโตคอลและเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเองก่อนที่แอปพลิเคชั่น CyberGhost Windows จะใช้งานได้
อย่างที่ผมบอกไปว่า มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราถึงกับอยากจะเลิกใช้บริการค่ายนี้ แต่ถ้าคุณไม่ถนัดทางเทคนิค มันอาจจะทำให้คุณตกใจได้
2. นโยบายไม่เปิดเผยข้อมูลและไม่เปิดเผยตัวตนที่ดูคลุมเครือ
นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมและมันควรจะเป็นสำหรับทุกคนเช่นกัน ในระหว่างที่ผมค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมารวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ เพื่อเขียนรีวิว ผมรู้สึกว่ามีอะไรคลุมเครือเมื่อผมลองนึกดูว่า ตัวผมเองมีสถานะเป็นนิรนามบน CyberGhost จริงหรือไม่
ในขณะที่บริษัทมีนโยบายอย่างเป็นทางการว่าด้วยการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ใช้บางรายสังเกตเห็นว่า มีการใช้สคริปต์อย่าง Hotjar (ซึ่งเป็นสคริปต์สำหรับการใช้งานด้านการบันทึก) จะว่าไปแล้ว ทาง CyberGhost ยอมรับเรื่องนี้อย่างเปิดเผยในเว็บไซต์ของตัวเอง แม้จะอ้างว่าข้อมูลจากการบันทึกถูกนำไปใช้เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้นก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนแรกที่ผมเห็นว่า CyberGhost มีฐานอยู่ในประเทศโรมาเนีย ผมรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะประเทศนี้อยู่นอกเขตข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองของ 14 ประเทศในยุโรปที่เรียกกันว่า กลุ่ม 14 ตาแห่งยุโรป ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดยอดมาก อย่างไรก็ตาม ต่อมาผมก็พบว่าเจ้าของในปี 2017 ได้ขาย CyberGhost ให้กับบริษัทโฆษณาดิจิทัล ที่มีชื่อว่า CrossRider
แล้ว บริษัทโฆษณาดิจิทัล จะทำอะไรกับบริษัทผู้ให้บริการ VPN ซึ่งจำเป็นต้องใช้สคริปต์บันทึกเซสชั่น เรื่องมันดูซับซ้อนขึ้นและผมเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับเรื่องนี้
3. ตัวเลือกการชำระเงินที่จำกัด
สิ่งนี้จะกลับมาในประเด็นของการไม่เปิดเผยตัวตนอีกครั้งเนื่องจาก CyberGhost ยอมรับเฉพาะบัตรเครดิต PayPal หรือ BitPay เท่านั้น ใช่แล้วครับ BitPay ใช้สำหรับ Bitcoin แต่อย่าลืมว่ามีสกุลเงินดิจิทัลอยู่อีกหลายร้อยสกุลเงิน นอกจากนี้ การจ่ายเงินสดในรูปแบบของบัตรของขวัญหรือรูปแบบอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ถ้าจะทำ
เพราะเหตุใดบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยและการไม่เปิดเผยตัวตนจึงเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่จำกัดได้ขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นตัวเลือกที่อาจจะเปิดเผยรายละเอียดของผู้ใช้ ผมไม่มีคำตอบ แต่สำหรับผมแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับปัญหาที่ผมได้กล่าวไปก่อนหน้านี้
ข้อสรุป: ผมจะควักกระเป๋าสมัครบริการของ CyberGhost หรือไม่
ก่อนที่ผมจะเริ่มข้อสรุป ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวสักนิดนะครับ ถ้าผมจะต้องจ่ายเงินเพื่อใช้บริการ VPN ผมจะคาดหวังประสิทธิภาพระดับหนึ่งในแง่ของความเร็ว ผมไม่ได้เรื่องมากในประเด็นของตัวเลือกการชำระเงินหรือประเด็นทำนองนั้น ตราบใดที่ไม่มีการเปิดเผยตัวตนก็เพียงพอแล้ว
ผมได้กล่าวถึงสิ่งดี ๆ มากมายเกี่ยวกับ CyberGhost และรับประกันได้เลยว่าค่ายนี้ให้อะไรมากมายที่คุณจะไม่ได้จากผู้ให้บริการรายอื่น ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังสมัครแพ็กเกจระยะยาวได้ในราคาที่ถูกแสนถูก ทว่าในความคิดของผม บริการที่สุดยอดกว่าเพื่อนของค่ายนี้คือ การเสริมประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์ที่เจ๋งมาก ๆ
ขอยกตัวอย่างกรณีการสตรีมมิ่งวิดีโอและเซิร์ฟเวอร์ทอร์เรนต์ที่ผมได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ หากสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผมจะบอกว่า CyberGhost เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแฟน ๆ ของทอร์เรนต์ นักสตรีมมิ่งวิดีโอและคนที่ชอบเข้าถึงเนื้อหาที่มีการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ในใจของผมมีคำว่า แต่ ที่ใหญ่มาก และอาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะไม่สมัครใช้บริการ CyberGhost เมื่อพิจารณาจากความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยตัวตน ข้อมูลที่ผมได้มาเกี่ยวกับสองประเด็นนี้ยังมีข้อกังขาและข้อโต้เถียงมากเกินกว่าที่ผมจะรู้สึกปลอดภัยในการใช้ CyberGhost ได้
ขณะที่คำกล่าวอ้างของ CyberGhost ที่ว่าใช้สคริปต์สำหรับการบันทึกข้อมูลเพื่อนำมาปรับปรุงบริการอาจจะฟังขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป แต่ผมคิดว่ากลยุทธ์เหล่านี้ฟังไม่ขึ้นหากเป็นผู้ให้บริการ VPN ดังนั้น ลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างความคุ้มค่าและประสิทธิภาพกับความเสี่ยงในเรื่องการเปิดเผยตัวตน
ผมรู้สึกว่า เป็นเรื่องยากที่จะพูดว่าคุ้มหรือไม่คุ้มถ้าหากจะสมัครใช้บริการของค่ายนี้ ฉะนั้น การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไร
ฟีเจอร์หลัก
- ✓ รองรับแพลตฟอร์มจำนวนมาก
- ✓ การปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์
- ✓ การเข้ารหัสแบบ 256 บิต
- ✓ เซิร์ฟเวอร์จัดกลุ่มแยกเป็นแต่ละประเภท
- ✓ OpenVPN/SSTP/L2TP/IPsec
- ✓ แพ็กเกจระยะยาวราคาเยี่ยม
แนะนำสำหรับ
- • คนที่ชอบการสตรีมมิ่งวิดีโอ
- • คนที่ไม่สนใจเกี่ยวกับการไม่เปิดเผยตัวตน
- • ผู้ชื่นชอบการแบ่งปันไฟล์แบบ P2P
- • เจ้าของอุปกรณ์แพลตฟอร์มเฉพาะ
CyberGhost
ความเร็ว
ปานกลาง
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
การเปิดเผยโฆษณา