6 VPN ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในปี 2023 (ทดสอบความเร็วแล้ว)
โปรโมชั่น Black Friday ของ NordVPN
รับส่วนลด 69% สำหรับแพ็คเกจ 2 ปีของ NordVPN + 3 เดือน พิเศษ ตั้งแต่ 18 ตุลาคม ถึง 29 พฤศจิกายน 2023! รับข้อเสนอ
ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวประเทศไทยหรืออาศัยอยู่ในประเทศอย่างถาวร VPN เป็นสิ่งที่ต้องมีหากคุณใช้เวลาบนโลกออนไลน์ไม่ว่าจะนานแค่ไหน การที่รู้ว่า VPN ใดดีที่สุดสำหรับการใช้งานในประเทศไทยสามารถช่วยปกป้องคุณจากกิจกรรมการสอดส่อง กฎหมายการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวดและช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกทางภูมิศาสตร์ได้
การศึกษาพบว่า ประเทศไทยมีระดับเสรีภาพอยู่ในอันดับต่ำโดยได้รับการจัดอันดับว่า “มีเสรีภาพบ้าง” ใน การศึกษาของ Freedom House ปี 2019 หลังจากรัฐบาลไทยอนุญาตให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไม่จำกัดและนโยบายการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวด ผู้อยู่อาศัยในประเทศไทยจำนวนมากหันมาใช้ VPN กันมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อดีของการใช้ VPN อีกหลายประการ เช่น การเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลายซึ่งอาจจะไม่สามารถเข้าถึงได้หากปราศจากบริการนี้ โดยรวมแล้วการใช้ VPN ในประเทศไทยอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ
ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับผมในการทดสอบประสิทธิภาพตำแหน่งที่ตั้งเนื่องจากอยู่ใกล้เคียงกับตำแหน่งทางกายภาพของผม ซึ่งหมายความว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการทดสอบของผมก็คาดว่าจะใช้เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดีสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
ในการทดสอบรอบนี้ เรามีผู้ช่วยทดสอบในเวียดนามคอยตรวจสอบให้เรา ผู้ช่วยคนนี้ได้ความเร็วที่ 200 Mbps ซึ่งเสถียรทั้งช่วงดาวน์โหลดและอัพโหลดซึ่งใช้ได้สำหรับการทดสอบเพื่อใช้เป็นเกณฑ์พื้นฐาน
โปรดทราบว่าความเร็วมักจะสูงเมื่อเชื่อมต่อกับประเทศใกล้เคียง สิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการทดสอบประสิทธิภาพในกรณีเหล่านี้คือระยะห่างจากเซิร์ฟเวอร์ คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์และปริมาณงานของเซิร์ฟเวอร์
ตามหลักทั่วไป ยิ่งคุณอยู่ห่างจากเซิร์ฟเวอร์ VPN มากเท่าไหร่ ตอบสนองก็จะช้าลงพร้อมกับความเร็วที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อระยะทางเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ
- ราคาอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 32.39 บาท
- ราคาที่แสดงเป็นราคาแพ็กเกจต่ำสุดของผู้ให้บริการ VPN แต่ละราย
1. NordVPN
https://nordvpn.com/ความเร็ว
ยุติธรรม
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท)
฿110 /เดือน
คุณสมบัติเด่น
- 5500+ เซิร์ฟเวอร์
- ไม่มีบันทึกกิจกรรม
- Kill switch
- รองรับได้ 6 อุปกรณ์
- VPN สองเท่า
"NordVPN เหมาะสำหรับประเทศไทยโดยมีราคาที่ย่อมเยาพร้อมประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งและมั่นคง"
ผมให้คะแนน NordVPN ในระดับที่ดีมากเสมอเมื่อเทียบกับบริการ VPN อื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากเชี่ยวชาญด้าน P2P เป็นพิเศษพร้อมด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่แข็งแกร่งสุด ๆ NordVPN ยังมีคุณสมบัติมากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดี
คุณสมบัติเด่นที่ว่าก็อย่างเช่นนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด DNS ส่วนตัวที่กำหนดเองและการป้องกันข้อมูลรั่วไหล ผู้ให้บริการรายนี้ยังยอมรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลซึ่งช่วยการไม่เปิดเผยตัวตนเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
NordVPN ตั้งอยู่ในประเทศปานามาและใช้การเข้ารหัสระดับที่กองทัพใช้กันเพื่อป้องกันกิจกรรมทาง อินเทอร์เน็ตของคุณจากทั้งแฮกเกอร์และผู้สอดแนม เนื่องจากคุณน่าจะมีการเดินทางไปโน่นมานี่ค่อนข้างมากในประเทศไทย คุณจึงสามารถใช้บริการนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของคุณไม่ว่าจะที่บ้าน ที่ทำงานหรือแม้กระทั่งขณะที่คุณกำลังเดินทาง
NordVPN มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศไทย รวมถึงมีเซิร์ฟเวอร์อีกมากมายในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ คุณสามารถเชื่อมต่อได้กับทุกที่ที่คุณต้องการ ดังนั้น หากเซิร์ฟเวอร์ไทยสัญญาณแออัด คุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์อื่นที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
NordVPN เคยมีราคาถูกมาก แต่พอลงทุนเพิ่มขีดความสามารถของเซิร์ฟเวอร์แล้ว ราคาก็ขึ้นตามไปด้วย แต่ข่าวดีก็คือมันยังคงเป็นหนึ่งในบริการ VPN ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด
อ่านรีวิวเชิงลึกของเราเกี่ยวกับ NordVPN เพื่อดูว่าเพราะเหตุใดมันจึงเป็น VPN อันดับ 1 ของ Bitcatcha!
2. Surfshark
https://surfshark.com/ความเร็ว
ยอดเยี่ยม
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท)
฿65 /เดือน
คุณสมบัติเด่น
- 3200+ เซิร์ฟเวอร์
- ไม่มีบันทึกกิจกรรม
- ไม่ จำกัด อุปกรณ์
- Whitelister
- Multi-Hop
"Surfshark มีประสิทธิภาพที่ดีพอสมควร และราคาก็ทำให้คนอดใจไม่ไหว"
Surfshark เป็นค่ายโปรดของผมแม้ว่ามันจะมีเครือข่ายที่จำกัดกว่ามากเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำค่ายอื่น ๆ ความเร็วเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ดีและมีราคาย่อมเยามาก
น่าเสียดายที่ยังมีคนที่ไม่วางใจกับค่ายนี้เนื่องจากอยู่ในตลาดมาแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่ตัวผมเองยังหาเหตุผลอะไรมาติไม่ได้และผมได้ใช้บริการของค่ายนี้มานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
ความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ไทยค่อนข้างเร็วและผู้ใช้ในประเทศน่าจะพอใจกับประสิทธิภาพนี้ หากคุณเจอปัญหา คุณยังสามารถเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์ในประเทศใกล้เคียงเพื่อดูว่าประสิทธิภาพดีขึ้นหรือไม่ ผมรู้ว่ามันทำงานได้ดีในบางพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้ๆประเทศไทย
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นเลิศของมันได้จากรีวิวอย่างละเอียดของ Surfshark!
3. ExpressVPN
https://www.expressvpn.com/thความเร็ว
ยอดเยี่ยม
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท)
฿270 /เดือน
คุณสมบัติเด่น
- 3000+ เซิร์ฟเวอร์
- ไม่มีบันทึกกิจกรรม
- รองรับได้ 5 อุปกรณ์
- DNS ส่วนตัว
- AES-256
"ราคาสูง แต่มันแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอที่ดีทั่วโลก"
ExpressVPN มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 แห่งซึ่งจำนวนนี้คงที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยทางค่ายหันไปมุ่งเน้นที่คุณภาพแทนที่จะขยายเครือข่ายไปไกลกว่านั้น ค่ายนี้เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่มั่นคงซึ่งมาพร้อมบริการและชุดคุณสมบัติระดับสูง
หนึ่งในตัวเลือกที่ดีกว่าคือมีคุณลักษณะที่เรียกว่าการแยกอุโมงค์ สิ่งนี้ทำหน้าที่ช่วยในรูปแบบต่างๆเนื่องจากมันช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมว่าจะให้อะไรผ่านอุโมงค์ VPN หรือให้ข้ามไปเลย
ด้วยความเร็วที่ดี ค่ายนี้จึงมีคุณภาพการสตรีมมิ่งและการดาวน์โหลดที่ยอดเยี่ยมแม้กระทั่งการใช้สำหรับ P2P แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มาพร้อมราคาที่สูงขึ้นแต่ก็ถือว่าคุ้ม แม้ว่าค่ายนี้จะมีแพ็กเกจรายปีแต่ ExpressVPN ก็ยังคงเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาแพงที่สุด
ผมคิดว่า คุณต้องถามตัวเองว่าพร้อมจะจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้ได้สิ่งที่มีคุณภาพ
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
ในด้านความเร็ว ExpressVPN มีความเร็วที่เสถียรได้อย่างทั่วถึงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าผมจะอยู่ไกลแค่ไหน เซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยของค่ายนี้ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าจะสามารถจัดการได้กับทุกการเชื่อมต่อในประเทศ
ExpressVPN อาจจะไม่ใช่บริการ VPN ที่ถูกที่สุดในวงการ แต่ก็ถือว่าสมราคาเมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพชั้นเยี่ยม
อ่านรีวิวทั้งหมดของเราเกี่ยวกับ ExpressVPN เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม!
4. CyberGhost
https://www.cyberghostvpn.com/ความเร็ว
ไม่ดี
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท)
฿88 /เดือน
คุณสมบัติเด่น
- 6800+ เซิร์ฟเวอร์
- มีการบีบอัดข้อมูล
- รองรับได้ 7 อุปกรณ์
- ไม่มีบันทึกกิจกรรม
- ปิดกั้นโฆษณา
"CyberGhost ทำงานไม่ดีในประเทศไทย แต่มันมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งเสียจนเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา"
CyberGhost เป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกและด้วยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมันจึงไม่น่าแปลกใจ ทางบริษัทผสมผสานจุดแข็งเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดอันเฉียบคมเพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก
เซิร์ฟเวอร์ CyberGhost ส่วนใหญ่เคยอยู่ในโซนยุโรป แต่ในช่วงปีที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างมากซึ่งหมายความว่าในปัจจุบันค่ายนี้มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในหลายประเทศรวมถึงในประเทศไทยด้วย
นี่เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณกำลังมองหาวิธีเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นโดยที่คุณไม่ต้องเปิดเผยตัวตนทางออนไลน์ในประเทศไทย
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
ความเร็วเซิร์ฟเวอร์ในไทยช้ามาก แต่คุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดายโดยเชื่อมต่อไปยังที่อื่นในบริเวณใกล้เคียง มีพื้นที่อื่น ๆ อีกมากมายในเอเชียที่มีความเร็วในเกณฑ์ดี โดยตัวเลือกที่ดีแห่งหนึ่งคือสิงคโปร์
ดูรีวิวฉบับเต็มของเราเกี่ยวกับ CyberGhost เพื่อเรียนรู้ว่าเพราะเหตุใดมันจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆของเรา!
5. IPVanish
https://www.ipvanish.com/ความเร็ว
ไม่ดี
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท)
฿105 /เดือน
คุณสมบัติเด่น
- 1600+ เซิร์ฟเวอร์
- รองรับได้ 10 อุปกรณ์
- ไม่มีบันทึกกิจกรรม
- P2P ไม่จำกัด
- AES-256
"มีอาการสะดุดในอดีต แต่ทีมบริหารชุดใหม่ทำให้ IPVanish ก้าวไปข้างหน้า"
ผู้ให้บริการรายนี้สามารถปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้หลายแพลตฟอร์มรวมถึง BBC iPlayer ที่ยากมากซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสื่อทั่วโลก แต่การเข้าถึงจากประเทศไทยอาจจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสักหน่อยเนื่องจากแหล่งข้อมูลที่ดีส่วนใหญ่อยู่ไกล
ผมต้องบอกว่า IPVanish สามารถต่อสู้กับชื่อเสียงในอดีตที่ด่างพร้อยได้โดยทุกวันนี้มีผู้ใช้บริการที่มีความสุขมากมายทั่วโลก ค่ายนี้มีชุดฟีเจอร์ที่เจ๋งแม้ว่าจะยังมีบางอย่างที่ผมไม่ถูกใจกับมันมากนัก ซึ่งก็คือความสวยงามนั่นเอง
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
IPVanish มีอยู่ในประเทศไทยแต่ความเร็วดูเหมือนจะไม่โดนใจนัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันอยู่ใกล้กับสิงคโปร์ ผู้ใช้จึงสามารถกระโดดไปใช้เซิร์ฟเวอร์ที่นั่นได้อย่างง่ายดายและหวังว่าจะได้ความเร็วที่ดีขึ้น
อ่านรีวิว VPN IPVanish ฉบับสมบูรณ์ของเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม!
6. TorGuard
https://torguard.net/ความเร็ว
ยุติธรรม
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท)
฿130 /เดือน
คุณสมบัติเด่น
- 3000+ เซิร์ฟเวอร์
- สร้างขึ้นสำหรับ P2P
- GCM และ CBC
- รองรับได้ 5 อุปกรณ์
- Stealth Proxy
"TorGuard ชื่อดังในหมู่แฟนๆ P2P และมีเครือข่ายเอเชียแปซิฟิกที่ค่อนข้างมั่นคง"
ในฐานะที่เป็นแฟนตัวยงของ P2P TorGuard ดึงดูดสายตาของผมเป็นครั้งแรกเมื่อผมสังเกตเห็นว่ามีคนพูดถึงความเจ๋งของมันในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าบริการนี้สร้างขึ้นโดยคำนึงถึง P2P และทำงานได้ดีเมื่อทำการทอร์เรนต์
จะว่าไปค่ายนี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในฐานะผู้ให้บริการ VPN แต่น่าเสียดายที่ชื่อเสียงนี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการออกแบบ รวมถึงผู้เริ่มต้นใช้งาน (โดยเฉพาะกลุ่มที่อายุน้อย) อาจจะต้องดิ้นรนกับการใช้อินเทอร์เฟสที่ล้าหลังเหมือนมาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์
ผู้ให้บริการ VPN ค่ายนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการตลาดสมัยใหม่ที่ถูกใจคนร่วมสมัย แต่สิ่งที่โดดเด่นของมันคือประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการเติบโตจนให้บริการมากกว่า 3,000 IP ในกว่า 60 ประเทศ
(ดูผลการทดสอบความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)
แม้จะมีเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกา แต่ TorGuard ก็สามารถสร้างฐานในประเทศไทยได้ แม้ว่าประสิทธิภาพในประเทศไทยจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าผู้ใช้ในประเทศจะพบว่ามันดีพอสำหรับตอบสนองความต้องการส่วนใหญ่
อ่านรีวิวเชิงลึกของเราเกี่ยวกับ TorGuard เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม!
คุณกำลังถูกสอดแนมอยู่หรือเปล่า
รัฐบาลไทยใช้สปายแวร์ในการเฝ้าระวังรวมถึงการรวบรวมข่าวกรองและการป้องกันหรือการสืบสวนอาชญากรรม การรั่วไหลของอีเมลที่ถูกแฮ็กเผยให้เห็น การซื้อมัลแวร์ของรัฐบาลไทย ถึงสองครั้ง
ครั้งแรกคือเมื่อตำรวจไทยซื้อมัลแวร์จากบริษัทอิตาลีในราคา 310,000 ดอลล่าร์ในปี 2013 ส่วนครั้งที่สองก็คือเมื่อกองทัพไทยซื้อมัลแวร์กาลิเลโอในราคา 390,000 ดอลล่าร์ในปี 2014
นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลไทยได้ซื้อสปายแวร์ระบบควบคุมระยะไกลเพื่อใช้ในจังหวัดชายแดนทางตอนใต้ของประเทศ และตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์aเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสามารถขอเอกสารและข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล
ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ผ่านออกมาเป็นกฏหมายทำให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างเกือบจะเบ็ดเสร็จ อย่างไรก็ตาม กฎหมายระบุว่าข้อมูลจะถูกนำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเห็นว่าข้อมูลนั้นเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงหรือภัยคุกคามด้านความปลอดภัยระดับสูง
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพึงระลึกไว้ว่า สภาพการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้รับการตรวจสอบเป็นประจำโดยรัฐบาลของประเทศตัวเอง ด้วยเหตุนี้ การใช้บริการ VPN จึงทำให้คุณปลอดภัยขณะเดินทางไปต่างประเทศด้วย
VPN ในประเทศไทยทำอะไรได้บ้าง
หลายคนมักจะเข้าใจผิดและเชื่อมโยง VPN กับกิจกรรมด้านอาชญากรรม อันที่จริง VPN มีขอบเขตการใช้งานที่กว้างมาก มีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่มีประโยชน์เช่นกัน บางส่วนของการใช้งานคือ การให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์ที่ละเอียดอ่อนได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น ธนาคารออนไลน์และการป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ติดตามคุณ
โดยรวมแล้ว บางอย่างที่ VPN สามารถช่วยคุณได้ มีดังนี้
- เข้าถึงเนื้อหาได้มากขึ้น
VPN ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการบล็อกเนื้อหาได้ ตัวอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากคือ เนื้อหาที่นำเสนอโดย Netflix ซึ่งล็อกเนื้อหาตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เพื่อจุดประสงค์ในการออกใบอนุญาต ฉะนั้น การใช้ VPN ช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหานอกภูมิภาคที่คุณอยู่ได้อย่างไม่จำกัด - การไม่เปิดเผยตัวตน
นอกเหนือจากรัฐบาลแล้ว แม้แต่ผู้ให้บริการทางออนไลน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Google ก็ติดตามกิจกรรมออนไลน์ของเรา หากคุณไม่สบายใจกับเรื่องนี้ แสดงว่าการใช้ VPN เหมาะสำหรับคุณ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ VPN ทำคือ ช่วยปกป้องตัวตนของคุณทางออนไลน์โดยไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ติดตามคุณ - การเข้าถึงเครือข่ายสำนักงานได้อย่างปลอดภัย
หากคุณทำงานจากระยะไกล คุณควรใช้ VPN ในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสำนักงานของคุณ วิธีนี้สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อของคุณได้อย่างมากและปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับซึ่งคุณอาจถ่ายโอนจากเซิร์ฟเวอร์สำนักงาน - ทำให้การเล่นเกมมีเสถียรภาพ
การเล่นเกมเป็นงานอดิเรกที่คนไทยหลายคนชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม ด้วยเซิร์ฟเวอร์เกมจำนวนมากในต่างประเทศ ความไม่เสถียรของการเชื่อมต่ออาจจะทำให้เกิดการตายในเกมได้อย่างง่ายดาย การใช้ VPN เป็นวิธีหนึ่งในการทำให้การเชื่อมต่อของคุณเสถียรยิ่งขึ้นโดยให้ความหน่วงในการเชื่อมต่อสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น - หลีกเลี่ยงการควบคุมปริมาณแบนด์วิธ
ในบางครั้ง ISP อาจจะจำกัดแบนด์วิธโดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบ นี่อาจจะเป็นปัญหาใหญ่หากคุณจำเป็นต้องส่งไฟล์ขนาดใหญ่ไปยังลูกค้าอย่างเร่งด่วน VPN สามารถจัดการกับการควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลได้และให้ความเร็วที่คุณต้องการได้ตลอดเวลา - 6. เพลิดเพลินกับ Wi-Fi ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
Wi-Fi เป็นอันตรายอย่างมาก เรื่องนี้ฟังดูซับซ้อนเนื่องจากพวกเราหลายคนชอบนั่งเล่นที่ร้านกาแฟเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตฟรี หากคุณวางแผนที่จะทำเช่นนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้ VPN แล้วเนื่องจากมันช่วยเข้ารหัสข้อมูลที่เข้าและออกทั้งหมดจากอุปกรณ์ของคุณ
VPN ยังคงถูกกฎหมายในประเทศไทย
อย่างที่ทราบกันดีว่าในตอนนี้ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ให้เสรีภาพทางดิจิทัลแก่ผู้ใช้อย่างเต็มที่ ในความเป็นจริง รัฐบาลใช้เงินประมาณ 1.7 ล้านบาท ($52,000) ต่อวันในการเฝ้าระวังทางดิจิทัล
มีบางกรณีที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ปิดกั้นการเข้าถึง (ดำเนินการตามคำขอของรัฐบาล) เว็บไซต์ เช่น Wikileaks และบล็อกเกอร์บางคนในประเทศถูกจับกุม ด้วยแรงกดดันเหล่านี้ทำให้ความต้องการเครื่องมือปกป้องความเป็นส่วนตัวอย่าง VPN เพิ่มขึ้น
VPN ช่วยให้คุณสามารถปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลและตำแหน่งของคุณจากใครก็ตามที่อาจจะกำลังติดตามดูการสื่อสารทางดิจิทัลของคุณ ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้ในประเทศไทยจึงสามารถใช้ประโยชน์จากบริการนี้เพื่อช่วยป้องกันตนเองจากการติดตามดู
มาสรุปกันอีกทีคือ บริการนี้ถูกกฏหมาย ! VPN ยังคงถูกกฎหมาย 100% สำหรับการใช้งานในประเทศไทยครับ
สิ่งที่เรามองหาจากบริการ VPN ในประเทศไทย
1. ความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยตัวตน
เครื่องมือความเป็นส่วนตัวอย่าง VPN ช่วยทำให้คุณไม่ต้องเปิดเผยตัวตนทางออนไลน์และเพิ่มความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตของคุณ อย่างไรก็ตาม อย่างที่เราทุกคนทราบดีว่าความเป็นส่วนตัวเป็นส่วนสำคัญของการใช้ VPN เมื่อคุณใช้ VPN มันจะสร้างเครือข่ายส่วนตัวจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสาธารณะ
VPN จะอำพรางที่อยู่อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (IP) ของคุณ ดังนั้น การท่องโลกออนไลน์ของคุณจึงแทบจะไม่สามารถถูกติดตามได้ แม้ว่าจะมีคนแอบสอดแนมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณ แต่พวกเขาก็จะไม่เห็นอะไรเลย
2. ความปลอดภัย
สำหรับประเทศไทย การพยายามรักษาระดับการเข้ารหัสให้ได้สูงที่สุดเป็นการดีเนื่องจากมีโอกาสที่จะมีการเจาะผ่านการเข้ารหัส ซึ่ง VPN จะช่วยป้องกันและเสริมความปลอดภัยเข้าไปให้อีกสองสามชั้น
การเข้ารหัสมีบทบาทสำคัญในการปกป้องข้อมูลของคุณ ข้อมูลของคุณถูกเข้ารหัสเพื่อให้เฉพาะเครื่องที่ใช้บริการ VPN และเซิร์ฟเวอร์ของคุณเท่านั้นที่สามารถอ่านได้ ในบางกรณี บริการ VPN จะจัดเก็บประวัติการเข้าชมและรายละเอียดตำแหน่งของคุณเป็นระยะเวลานาน และบางรายยังส่งมอบข้อมูลนี้กับหน่วยงานของรัฐ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่แนะนำให้ใช้บริษัท VPN ที่เก็บข้อมูลใด ๆ เลย ยิ่งบริษัทที่แชร์ข้อมูลของผมให้กับบุคคลที่สามด้วยแล้ว ผมยิ่งไม่เอาด้วยเลยครับ
3. การอำพรางตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
การอำพรางตำแหน่งทางภูมิศาสตร์คือ กระบวนการเปลี่ยนสถานที่หรือประเทศของคุณในโลกออนไลน์เพื่อให้ดูเหมือนว่าคุณอยู่ในสถานที่ที่คุณเลือก
ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับคนไทยเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ปิดกั้นเว็บไซต์จำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งบางครั้งการใช้บริการนี้อาจจะถือว่ามีประโยชน์
4. การรองรับ P2P
P2P ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลกแม้จะมีบริการสตรีมมิ่งสื่อมากมายอย่าง Netflix ก็ตาม เหตุผลหลักคือเกือบทุกคนสามารถเข้าถึงได้ฟรีและง่าย น่าเสียดายที่แคมเปญของบริษัทสื่อและซอฟต์แวร์บางแห่งส่งผลให้คนหันไปสนใจแต่การแชร์ไฟล์
กิจกรรมการแชร์ไฟล์สามารถปกปิดเอาไว้ได้เมื่อใช้ VPN ฉะนั้น นี่จึงเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งในแง่ของศักยภาพของ VPN ที่ทำให้คนสนใจ แต่ผู้ให้บริการบางรายก็ไม่อนุญาตให้ใช้ P2P ดังนั้น การเลือกให้ถูกค่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
5. ความเร็วและความเสถียร
ประเทศไทยมีความเร็วบรอดแบนด์แบบคงที่ที่เร็วที่สุดประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งหมายความว่าเพื่อให้สอดคล้องกับประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อในประเทศผู้ให้บริการ VPN จำเป็นต้องทำงานได้ดีทั้งในประเทศหรือผ่านเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียง
ความคิดเห็นสุดท้าย: คุณต้องการ VPN ในประเทศไทยหรือไม่?
ความเร็ว
คะแนนโดยรวม
ราคา (บาท/เดือน)
ใช่!
ในบทความนี้เราได้กล่าวถึงการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดในประเทศไทย การซื้อสปายแวร์ของรัฐบาลและกฏหมายการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยรัฐบาล สิ่งเหล่านี้น่าจะเพียงพอที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้ที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวลงทุนในบริการ VPN ที่แข็งแกร่ง
แม้ว่าผมจะไม่ได้บอกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นชนิดขาดไม่ได้ แต่มันก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากนโยบายการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวดในประเทศไทย การใช้ VPN จะช่วยให้เข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจถูกบล็อกบางส่วนหรือทั้งหมดได้
นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์อื่น ๆ จากการอำพรางตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ซึ่งจะเปิดทางให้เข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลายขึ้นซึ่งอาจจะไม่สามารถเข้าถึงได้หากปราศจากบริการนี้ โดยส่วนใหญ่แล้ว คุณจะได้ประโยชน์จากการใช้บริการ VPN ในประเทศไทยชนิดคุ้มค่าเกินราคาที่จ่ายอย่างแน่นอน