GoDaddy
GoDaddy เป็นผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่ดี การที่มีคนจำนวนมากในตลาดเว็บโฮสติ้งนิยมใช้ย่อมหมายความว่าค่ายนี้มีความน่าเชื่อถือมาก ทีมสนับสนุนของค่ายนี้เป็นทีมหนึ่งที่เก่งที่สุดและรวดเร็วที่สุดที่เรารู้สึกดีที่ได้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ค่ายนี้ดูเหมือนจะไม่ให้อะไรมากเท่ากับคู่แข่ง เรียนรู้เพิ่มเติม
รีวิว GoDaddy – 7 ข้อดีและ 3 ข้อเสีย (ประสบการณ์การใช้งาน ความเร็วและการช่วยเหลือดูแลที่ยอดเยี่ยม!)
พูดตามตรง เราไม่ได้ต้องการหรือจำเป็นต้องเขียนรีวิวเว็บโฮสติ้งนี้
ผมหมายความว่า ทุกคนที่ไม่ใช่มนุษย์ยุคไดโนเสาร์จะต้องเคยได้ยินหรือมีประสบการณ์กับแบรนด์ GoDaddy มาบ้าง ลองไปถามคนที่ซื่อบื้อที่สุดและไม่รู้เรื่องที่สุดที่คุณรู้จักเกี่ยวกับ GoDaddy ดูสิครับ
อย่างน้อยชื่อนี้ก็คงฟังดูคุ้นหูสำหรับพวกเขาบ้างละครับ
สารบัญ
ข้อดีของ GoDaddy
- ติดตั้งง่าย – ออนไลน์ได้ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง!
- GoDaddy เร็วมาก
- ศูนย์ข้อมูลใน 3 ภูมิภาคหลัก
- การสนับสนุนอย่างดีตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
- GoDaddy พร้อมใช้งาน PHP 7.4 แล้ว
- Uptime ไม่ต่ำกว่า 99.9%
- ฟรีโดเมน, อีเมล Office 365, เว็บเมลและอีกมากมาย
ข้อเสียของ GoDaddy
- ไม่มีซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วแรง
- ฟังก์ชั่นให้ใช้ฟรีมีไม่มากนัก
- ระบบการต่ออายุที่น่าประหลาดใจ
ข้อเสียของ GoDaddy
GoDaddy เทียบกับคู่แข่ง
ข้อสรุป
เมื่อเทียบกับ GoDaddy แล้ว เราเป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ ซึ่งความคิดเห็นอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลย – อาจจะไม่ถูกใจบ้าง แต่ก็หายไปกับสายลมได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือเรารู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต่อผู้อ่านของเรา ภารกิจสูงสุดของเราคือการเสริมสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจขนาดเล็ก และเราค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กต้องการทราบว่าบริการเว็บโฮสติ้งของ GoDaddy มีประสิทธิภาพอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
เราเชื่อว่า คำตอบที่ดีที่สุดมาจากการลงมือทำ เราจึงได้เปิดบัญชีกับ GoDaddy และสร้างเว็บไซต์ทดสอบขึ้นมาเพื่อให้เราทำการทดลองและได้สัมผัสกับตัวเองว่าการทำงานเป็นอย่างไร
สิ่งที่เราค้นพบ อาจจะทำให้คุณตกใจ
แต่ก่อนที่เราจะไปถึงสาระสำคัญของรีวิวนี้ เราไปย้อนดูประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ กันสักหน่อยว่าค่ายนี้กลายมาเป็นเว็บโฮสติ้งยักษ์ใหญ่อย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร
เจ้าพ่อแห่งเว็บโฮสติ้ง
จริง ๆ แล้ว เราเกลียดชื่อ GoDaddy ครับ มันฟังดูแปลก ๆ และมันมีคำว่า… daddy ที่แปลว่า พ่อ อยู่ด้วย
แต่บางทีค่ายนี้อาจจะตั้งชื่อได้เหมาะสมแล้วเพราะเป็นเว็บโฮสติ้งรายหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการจนถือได้ว่าเป็นระดับตัวพ่อของวงการ
GoDaddy ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดย Bob Parsons เศรษฐีที่ร่ำรวยมากและได้รับการตั้งชื่อว่า Jomax Technologies ในครั้งแรก
พอถึงปี 1999 ทางบริษัทคิดว่าได้เวลาปรับโฉมแบรนด์ของบริษัทและตัดสินใจเลือกชื่อที่ฟังดูแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นั่นคือ พวกเขาต้องการเรียกตัวเองว่า BigDaddy แต่โชคดีที่โดเมนสำหรับชื่อที่น่าตลกนั้นถูกคนใช้ไปแล้วฉะนั้น ทางบริษัทจึงเลือกชื่อที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดชื่อต่อไป นั่นคือ GoDaddy
การตั้งชื่อให้ตัวเองแบบนั้นกลับกลายเป็นเรื่องดีเพราะบริษัทได้รับความนิยมอย่างมากและปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 20 ล้านคน (ณ เดือนมิถุนายน 2020)
บริษัทใหญ่ขนาดนี้ย่อมจะต้องใช้กำลังคนในการดำเนินงานอย่างแน่นอน ปัจจุบัน GoDaddy จ้างงานคนกว่า 7,000 คนทั่วโลกซึ่งช่วยให้คนเหล่านี้มีรายได้ที่มั่นคง และ 2,900 คนในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนที่ทุ่มเททำงานอย่างจริงจัง
ในปี 2013 GoDaddy กลายเป็นผู้รับจดทะเบียนโดเมนที่ได้รับการรับรองจากI-CANN รายใหญ่ที่สุดในโลก ทางบริษัทยังซื้อบริการจดทะเบียนชื่อโดเมนของ Neustar และจะเปลี่ยนธุรกิจการจดทะเบียนโดเมนเป็นชื่อ GoDaddy Registry
GoDaddy ไปได้สวยมากในแง่ของธุรกิจเว็บโฮสติ้ง โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดด้วยการโฮสต์โดเมนมากถึง 62 ล้านโดเมนและกลายเป็นเว็บโฮสติ้งยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ อยากเอาชนะ
ประเด็นสำคัญคือ ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าบริการเว็บโฮสติ้งของ GoDaddy นั้นประสบความสำเร็จมากขนาดนี้เพราะคุณภาพดีกว่าคู่แข่งจริง ๆ หรือว่าแค่โชคดีเพราะบังเอิญ…เป็นที่นิยม
เราลองสมัครและลองใช้ฟีเจอร์ทุกอย่างในรายการสิทธิประโยชน์เพื่อให้เราสามารถบอกเล่าประสบการณ์ของเราได้อย่างละเอียด
เอาละครับ ตอนนี้เรามาเจาะลึกกันเลย
7 ข้อดีในการโฮสต์กับ GoDaddy
1. ติดตั้งง่าย – ออนไลน์ได้ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง
สิ่งหนึ่งที่ GoDaddy ทำถูกต้องที่สุดคือการที่เข้าใจว่าผู้ใช้ต้องการอะไร ซึ่งก็คือการสร้างเว็บไซต์ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แทนที่จะไปนั่งขลุกอยู่ที่หน้าแดชบอร์ดโดยไม่รู้หรือเข้าใจว่าจะต้องทำอะไรต่อไป
เห็นได้ชัดว่า GoDaddy จ้างทีมฝีมือดีมาเพื่อสร้างประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ทุกคนซึ่งสามารถสร้างเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือมากนัก
ค่ายนี้ตั้งใจทำให้ทุกอย่างง่ายเพื่อให้ผู้ใช้ทำทุกอย่างได้อย่างสบายตั้งแต่การสมัครไปจนถึงการตั้งค่าเว็บไซต์โดยแนะนำผู้ใช้ทีละขั้นทีละตอนเพื่อไม่ให้ใครรู้สึกสับสนหรือไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
เมื่อคุณเสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัครแล้ว GoDaddy จะพาคุณไปสร้างชื่อโดเมนทันที
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนเหล่านี้ ระบบจะขอให้คุณเลือกศูนย์ข้อมูล อย่าลืมเลือกศูนย์ที่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด!
เมื่อเลือกศูนย์ข้อมูลของคุณแล้ว GoDaddy จะถามว่าคุณต้องการติดตั้ง WordPress หรือไม่ แน่นอนเราชอบความง่ายในการใช้ WordPress เราจึงทำตามคำแนะนำทั้งหลายแต่โดยดี
เมื่อคุณกรอกรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จแล้ว ระบบจะแจ้งให้คุณทราบว่าการเริ่มต้นใช้งานเสร็จสมบูรณ์และติดตั้ง WordPress เรียบร้อยแล้ว คุณจะเห็นปุ่มขนาดใหญ่เพื่อเข้าถึงแดชบอร์ดซึ่งคุณจะสามารถเข้าถึงการควบคุมที่จำเป็นทั้งหมดได้
เข้าไปที่ WordPress จากแดชบอร์ดของคุณและคุณก็จะสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณได้ตามใจชอบ
เรียกว่าแค่นี้จริง ๆ นะครับ ไม่ต้องเสียเวลาหลงทางและสับสนไปกับการหาวิธีติดตั้ง WordPress ค่ายนี้ทำให้การติดตั้งในคลิกเดียวง่ายยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการเสนอฟังก์ชั่นนี้ให้เป็นตัวเลือกในกระบวนการเริ่มต้นใช้งานด้วย
ผมต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่อัจฉริยะเลยทีเดียว
พูดสั้น ๆ คือ GoDaddy ทำให้ทุกอย่างง่ายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานเว็บไซต์ได้โดยใช้เวลาน้อยที่สุด ค่ายนี้ปิดประตูความสับสนในการตั้งค่าเนื่องจากทุกอย่างออกแบบมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานอย่างง่ายดายชนิดไม่ต้องคิดเลย
บริษัทอ้างว่า คุณสามารถ “ออนไลน์ได้ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง” และจากประสบการณ์ของเรา ค่ายนี้ทำได้จริง !
2. GoDaddy เร็วมาก
นี่จะไม่ใช่รีวิวของ Bitcatcha แน่นอนหากไม่มีการทดสอบระยะเวลาตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์อย่างที่ทำทุกครั้ง ดังนั้น เราจึงเอาเว็บไซต์ทดสอบ GoDaddy ของเราเข้าเครื่องมือตรวจสอบความเร็วของเซิร์ฟเวอร์และเราก็ประทับใจจริง ๆ
US (W) | US (E) | ลอนดอน | สิงคโปร์ | เซา เปาลู |
---|---|---|---|---|
167 ms | 218 ms | 197 ms | 10 ms | 337 ms |
บังกาลอร์ | ซิดนีย์ | ญี่ปุ่น | แคนาดา | เยอรมันนี |
---|---|---|---|---|
111 ms | 182 ms | 7 ms | 245 ms | 173 ms |
GoDaddy อยู่ในระดับที่น่าประทับใจที่ 171.1 มิลลิวินาทีในการทดสอบค่าเฉลี่ยทั่วโลกของเรา ซึ่งส่งผลให้ค่ายนี้จัดอยู่ในกลุ่มผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งระดับ A+ ซึ่งถือว่าเร็วแรงอย่างแท้จริง!
เนื่องจากศูนย์ข้อมูลที่ใช้ในการทดสอบตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ผลการทดสอบจึงออกมาดีสำหรับประเทศที่อยู่ใกล้เคียงมาก ๆ แม้กระทั่งความเร็วในบังกาลอร์ก็ยังแค่ 111 มิลลิวินาที
ส่วนพื้นที่ซึ่งไกลออกไปอย่างสหรัฐอเมริกา ฝั่งตะวันตกได้รับสัญญาณปิงด้วยเวลา 167 มิลลิวินาทีซึ่งถือว่าค่อนข้างดี ขณะที่ฝั่งตะวันออกช้ากว่าเล็กน้อยที่ 218 มิลลิวินาที
เมื่อพูดถึงความช้าในการตอบสนอง เซา เปาลูช้ามากที่ 337 มิลลิวินาที แต่ก็เป็นเรื่องที่พอจะรู้อยู่เนื่องจากศูนย์ข้อมูลที่เราเลือกไม่ได้อยู่ใกล้
เมื่อพูดถึงศูนย์ข้อมูลละก็…
3. ศูนย์ข้อมูลใน 3 ภูมิภาคหลัก
GoDaddy มีศูนย์ข้อมูล 3 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ ยุโรป อเมริกาและเอเชีย
ค่ายนี้ยังมีแผนที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลในอินเดียเพื่อรองรับตลาดนีัโดยเฉพาะ รวมถึงครอบคลุมผู้ใช้ทั่วโลกได้อย่างทั่วถึง
หากคุณย้อนขึ้นไปดูผลการทดสอบความเร็วในข้อดีข้อที่ 2 คุณจะสังเกตเห็นว่าเวลาตอบสนองของเซา เปาลูและแคนาดานั้นค่อนข้าง…ช้ามาก
หากนั่นส่งผลให้คุณไม่สบายใจ เราขอคลายความกังวลของคุณด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า เว็บไซต์ทดสอบของเราโฮสต์กับศูนย์ข้อมูลในเอเชียของ GoDaddy ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่เหล่านั้นมาก ฉะนั้น ระยะเวลาตอบสนองจึงช้าลง
หากกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ในสถานที่เหล่านั้น สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่เลือกศูนย์ข้อมูลที่อยู่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น อย่างเช่น ศูนย์ข้อมูลในอเมริกาเหนือ ยิ่งเซิร์ฟเวอร์ของคุณอยู่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ เว็บไซต์ของคุณก็จะโหลดเร็วขึ้นเท่านั้น
ขอให้จำไว้ว่าคุณไม่สามารถได้ดั่งใจทุกอย่าง คุณไม่สามารถทำให้ทุกคนจากทุกที่พอใจได้เนื่องจากเวลาตอบสนองมักจะค่อนข้างช้าสำหรับผู้ที่อยู่ห่างออกไป
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้คือตัดสินใจว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของคุณอยู่ที่ใดและเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง
หากมันสายเกินไปและคุณเลือกศูนย์ข้อมูลที่ไม่เหมาะไปเสียแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ GoDaddy ให้คุณย้ายศูนย์ข้อมูลฟรีได้ 1 ครั้ง
สิ่งนี้หมายความว่า คุณจะสามารถย้ายเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว!
4. การสนับสนุนอย่างดีตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหัวเสียได้เลยเมื่อพูดถึงบริการเว็บโฮสติ้งก็คือ เมื่อทีมช่วยเหลือดูแลลูกค้าประกอบด้วยคนที่ไม่มีความกระตือรือร้น
เราหมายถึงว่า เราเกลียดมากถ้าต้องรอนานกว่า 15 นาทีกว่าจะได้เชื่อมต่อกับตัวแทนแชทสด
นี่คือดู A2 Hosting
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วเราจะติดต่อขอความช่วยเหลือก็ต่อเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ปัญหาจะต้องได้รับการแก้ไขทันที
มันเป็นเรื่องน่าอึดอัดที่ต้องรอนานมาก ๆ กว่าจะได้เชื่อมต่อกับตัวแทนแชทสด และมันจะยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเมื่อตัวแทนคนนั้นใช้เวลานานในการตอบข้อกังวลของคุณ
GoDaddy มีทีมสนับสนุนที่ได้รับรางวัลและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี พูดจริง ๆ นะครับ ทีมสนับสนุนของค่ายนี้ทำงานได้ตามที่คาดหวัง
เวลาที่เรารอแชทสดไม่เคยนานเกิน 2 นาทีและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนที่เราสื่อสารด้วยมีความอดทน มีความรู้และมีทักษะในการแก้ปัญหา
ส่วนที่เจ๋งที่สุดคือค่ายนี้ให้การสนับสนุนใน 15 ภาษาซึ่งครอบคลุมภาษาที่พูดกันมากที่สุดในโลกเพื่อลดความยุ่งยากในการสื่อสารและลดความอึดอัดใจอันเนื่องมาจากความเข้าใจผิดทางภาษา
5. GoDaddy พร้อมใช้งาน PHP 7.4 แล้ว
หากจนถึงตอนนี้ คุณยังไม่รู้ ผมขอบอกว่าเราหลงใหลความเร็วในการโหลดเว็บไซต์มากเหลือเกิน ซึ่งเรามีเหตุผลที่ดีมากในเรื่องนี้
ตามที่ thinkwithgoogle ระบุไว้ ผู้ซื้อจะเด้งออกจากเว็บไซต์ของคุณหากพวกเขาต้องรอนานเกิน 3 วินาทีกว่าเว็บไซต์จะโหลด
นั่นคือการสูญเสียโอกาสในการขายอย่างมากซึ่งมันจะยิ่งดูแย่มากขึ้นไปอีกเพราะมันเป็นผลมาจากสิ่งที่เราควบคุมได้
เราดีใจที่เห็นว่า GoDaddy พร้อมสำหรับ PHP 7.4 แล้วเพราะมัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์!
ความทุ่มเทของ GoDaddy ในเรื่อง PHP ค่อนข้างทำให้อุ่นใจได้เพราะนั่นหมายความว่าค่ายนี้กำลังเตรียมเซิร์ฟเวอร์ให้พร้อมสำหรับ PHP เวอร์ชั่นใหม่ การอัปเดตที่สำคัญครั้งต่อไปคือ PHP 8 และมีข่าวลือว่าจะเพิ่มความเร็วได้อย่างมหาศาล
คุณสามารถพนันได้เลยว่า GoDaddy ของคุณจะมีเซิร์ฟเวอร์พร้อมสำหรับการอัปเดตในเวลาไม่นาน!
6. Uptime ไม่ต่ำกว่า 99.9%
ใน ข้อดีข้อที่ 5 เราได้บอกไปแล้วว่าผู้ซื้อจะไม่สนใจและจะออกจากเว็บไซต์ของคุณหากพวกเขาต้องรอนานเกิน 3 วินาทีซึ่งจะทำให้คุณเสียโอกาสในแง่ของการขาย
นั่นว่าแย่แล้ว แต่ก็ไม่เลวร้ายเท่ากับการที่เว็บไซต์ของคุณล่มบ่อย ๆ เนื่องจากการที่เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงาน คนจะไม่เชื่อถือเว็บไซต์ของคุณ คุณจะดูไม่เป็นมืออาชีพและคุณจะสูญเสียยอดขายทั้งหมดที่คุณจะได้รับหากเว็บไซต์ของคุณไม่ล่ม
สิ่งที่แย่กว่านั้นคือเครื่องมือค้นหาอาจจะไม่แสดงเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บแรก ๆ เมื่อมีคนค้นหาซึ่งทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาวมาก
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงรู้สึกค่อนข้างดีใจที่ GoDaddy รับประกันช่วงเวลาให้บริการ 99.9%! โดยทั่วไปแล้ว ค่ายนี้จะสัญญาว่าเว็บไซต์ของคุณจะไม่ล่มเพราะสาเหตุจากเซิร์ฟเวอร์หยุดทำงาน (ไม่นับเวลาหยุดทำงานเพื่อการบำรุงรักษาตามที่วางแผนไว้ล่วงหน้า) มิฉะนั้นทางบริษัทจะชดเชยเงินให้คุณ
มาดู เงื่อนไขการรับประกันช่วงเวลาให้บริการของพวกเขา ดูเหมือนว่า GoDaddy มีหลักฐานเพื่อยืนยัน!
ช่วงเวลาให้บริการตั้งแต่สิงหาคม 2020
99.99%
* เครื่องนับเวลานี้อัปเดตตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่าในเรื่องช่วงเวลาการให้บริการ เราได้ติดตามดูช่วงเวลาให้บริการของค่ายนี้บนเว็บไซต์ทดสอบของเราผ่าน UptimeRobot และจนถึงขณะนี้ช่วงเวลาให้บริการก็ยังสูงกว่า 99.9%
ไม่จำเป็นต้องบอกก็คงรู้นะครับว่าเราค่อนข้างพอใจกับเรื่องนี้ทีเดียว
7. ฟรีโดเมน, อีเมล Office 365, เว็บเมลและอื่นๆ
แน่นอนว่าเราชอบของฟรี แล้วใครจะไม่ชอบบ้างล่ะ?
แพ็กเกจเว็บโฮสติ้งแบบแชร์ของ GoDaddy มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษมากมายที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น
เรากำลังพูดถึงแอปพลิเคชั่นฟรีกว่า 125 แอปพร้อม Installatron ที่ช่วยให้การติดตั้งแอปทั้งหลายง่ายดายฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยฟรีอีกมากมาย (เรากำลังพูดถึงการป้องกันการฉ้อโกง ไวรัสและสแปม) อีเมล Office 365, เว็บเมลฟรี, การเข้าถึง SSH และแบนด์วิดท์แบบเหมาที่จัดสรรไว้สำหรับการใช้งานรายเดือนของคุณ
ของฟรีอย่างเดียวที่เราพบว่าสร้างความแตกต่างได้จริง ๆ คือโดเมนฟรีของ GoDaddy ซึ่งมีให้สำหรับลูกค้าเว็บโฮสติ้งแบบแชร์ทุกคน
ชื่อโดเมนอาจจะมีราคาได้ตั้งแต่ไม่กี่บาทไปจนถึงหลายแสนบาทต่อปี ดังนั้น การที่ GoDaddy จัดหาให้ฟรีช่วยให้เรารู้สึกไม่เป็นภาระกับทุกสิ่งที่เราต้องจ่าย
อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่า ชื่อโดเมนฟรีมีให้สำหรับปีแรกเท่านั้น คุณจะต้องจ่ายในราคาปกติตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป
3 ข้อเสียในการใช้ GoDaddy
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียวสำหรับเซิร์ฟเวอร์ของ GoDaddy เพราะเราพบข้อเสียเด่น ๆ 3 ข้อที่เราไม่ค่อยพอใจนัก
1. ไม่มีซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วแรง
ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ทราบดีว่า ระยะเวลาตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์มีความสำคัญสูงสุด ดังนั้น บริษัทเหล่านี้จึงออกแบบโซลูชันซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
SuperCacher ของ SiteGround เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี
นอกเหนือจากใช้ได้กับ PHP 7.4 แล้ว GoDaddy ไม่มีซอฟต์แวร์หรือการตั้งค่าอะไรที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการ โหลดซึ่งทำให้เราผิดหวังไม่น้อย
2. ฟังก์ชั่นให้ใช้ฟรีมีไม่มากนัก
ใช่ เราพูดไว้ว่าของฟรีเป็นหนึ่งในข้อดี
เรื่องก็คือของฟรีเหล่านั้นใช้งานได้ไม่มาก
เราค่อนข้างแน่ใจเลยว่า GoDaddy ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการสามารถให้ SSL ฟรี จำนวนเว็บไซต์ที่มากกว่านี้รวมถึงการสำรองข้อมูลฟรีทุกวันเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของอาวุธเด็ดของทางค่าย
ผมหมายความว่าถ้า Hostinger สามารถทำได้ในราคาเพียง 31 บาทต่อเดือน GoDaddy ก็ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ทำ
3. ระบบการต่ออายุที่น่าประหลาดใจ
แพ็กเกจ Economy ของ GoDaddy มีค่าใช้จ่ายเพียง 185 บาทต่อเดือนสำหรับผู้สมัครใช้ครั้งแรกเมื่อสมัครใช้แบบ 12 เดือน
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ต้องงงเป็นไก่ตาแตกกับกลยุทธ์ลดราคาในภายหลังเพราะไม่รู้ว่าราคาจะไม่อยู่แค่นี้ตลอดไป และอาจจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบเรียกเก็บเงินการต่ออายุ
โดยทั่วไปราคาสมัครใช้ครั้งแรกจะถูกกว่าราคาจริง 29% ดังนั้น คุณจะต้องจ่าย 279 บาทต่อเดือนเมื่อต่ออายุ
เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ หากคุณต้องการเพลิดเพลินกับราคาถูกพิเศษแบบนี้ไปนาน ๆ ก็สมัครใช้งานรวดเดียว 36 เดือนไปเลยครับ
คุณจะจ่ายถูกกว่าราคาจริง 33% ซึ่งเหลือเพียง 185 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 36 เดือน และเมื่อไหร่ที่หมดสัญญา คุณก็สามารถย้ายไปยังผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งรายอื่นได้ตลอดเวลา
ข้อเสียของ GoDaddy
1. โฮสติ้งแบบแชร์
แพ็กเกจอิโคโนมีเหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือส่วนบุคคลมากที่สุด หากคุณคาดว่าจะมีการเข้าชมจำนวนมากหรือหากคุณดูแลจัดการหลายเว็บไซต์ คุณควรเลือกแพ็กเกจดีลักซ์
หากคุณกำลังวางแผนติดตั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมและ/หรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน แพ็กเกจอัลติเมทจะเหมาะกับความต้องการของคุณมากกว่า เนื่องจากมาพร้อมกับ DNS พรีเมี่ยม, SSL ฟรีและประสิทธิภาพเป็นสองเท่า!
2. โฮสติ้งธุรกิจ
สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ขึ้น หรือเว็บไซต์ที่รองรับการเข้าชมสูงหรือเว็บไซต์ที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก คุณจะต้องมีตัวช่วยที่แข็งแกร่ง โชคดีที่ GoDaddy มีแพ็กเกจโฮสติ้งธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ
ผู้ใช้โฮสติ้งธุรกิจจะเป็นเจ้าของทรัพยากรทั้งหมดโดยไม่ต้องแบ่งกับใครเหมือนกับผู้ใช้โฮสติ้งแบบแชร์ ผู้ที่ใช้แพ็กเกจนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครใช้เซิร์ฟเวอร์มากเกินกว่าที่ตัวเองมีสิทธิใช้ หรือเครียดว่าเว็บไซต์ของตัวเองใช้ทรัพยากรมากเสียจนส่งผลให้เว็บของคนอื่นทำงานช้าลง
ราคาสำหรับแพ็กเกจโฮสติ้งธุรกิจเริ่มต้นจาก 620 ไปจนถึง 1,860 บาทต่อเดือน
3. โฮสติ้งแบบเช่าช่วง
ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเว็บโฮสติ้งของคุณเองหรือไม่?
คุณอาจจะต้องใช้เงินกู้ก้อนโตชนิดที่ไม่มีทางจ่ายได้หมดจนชั่วลูกชั่วหลานเพียงเพื่อนำเงินมาสร้างศูนย์ข้อมูล
เว้นแต่คุณจะทำสิ่งที่ชาญฉลาดโดยใช้แพ็กเกจบริการโฮสติ้งแบบเช่าช่วงของ GoDaddy
คุณจะได้เครื่องมือในการควบคุมราคา ตัวเลือกการชำระเงิน ระบบออกใบแจ้งหนี้และจัดการคิวสำหรับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือ ในขณะที่ GoDaddy ดูแลเรื่องอื่น ๆ ให้คุณ
แพ็กเกจเริ่มต้นที่ 1,240 – 2,790 บาทต่อเดือน
GoDaddy เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ตอนนี้เราทุกคนรู้แล้วว่า GoDaddy เป็นเจ้าแห่งวงการในแง่ของส่วนแบ่งตลาด แต่เรามาดูกันดีกว่าว่าฝีมือของค่ายนี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เล็กกว่า
GoDaddy เทียบกับ SiteGround
จากการทดสอบระยะเวลาตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์ บอกได้เลยว่าเซิร์ฟเวอร์ของ SiteGround เอาชนะ GoDaddy ได้ถึง 11.2 มิลลิวินาที!
มันอาจจะดูเหมือนไม่มากมายอะไรเลย แต่ในโลกที่ความเร็วเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการขายและโอกาสในการขาย ทุก ๆ มิลลิวินาทีล้วนมีความหมาย
เราเชื่อว่า เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากการติดตั้ง SuperCacher และ NGINX ของ SiteGround สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเหมือนการเสริมประสิทธิภาพความเร็วเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สร้างความแตกต่างอย่างมากในแง่ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
เมื่อพูดถึงศูนย์ข้อมูล ดูเหมือนว่าทั้งสองค่ายจะพอ ๆ กันเนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในเอเชีย ยุโรปและอเมริกา
อย่างไรก็ตาม GoDaddy มีศูนย์ข้อมูลเพียง 3 แห่งเทียบกับศูนย์ข้อมูล 6 แห่งของ SiteGround ใน 4 ทวีป เห็นได้ชัดว่า SiteGround มีข้อได้เปรียบในแง่การครอบคลุมที่กว้างไกลกว่า ฉะนั้น จึงดีกว่าสำหรับผู้ที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้ชมอยู่ทั่วโลก !
นอกจากนี้ SiteGround เพิ่งย้ายเซิร์ฟเวอร์ของตนไปอยู่บนแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ของ Google ซึ่งทำให้ได้เปรียบในด้านความเร็ว
SiteGround อาจจะมีราคาสูงกว่า GoDaddy เล็กน้อย แต่โดยส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าคุ้มค่าสำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มความเร็วและศูนย์ข้อมูลที่ครอบคลุมกว้างไกลกว่า
ไปที่รีวิว SiteGround ฉบับสมบูรณ์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม!
GoDaddy เทียบกับ Hostinger
เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพการทำงาน GoDaddy และ Hostinger สูสีกันในแง่ของความเร็วโดยที่ค่าเฉลี่ยความเร็วทั่วโลกของค่ายแรกอยู่ที่ 171.1 มิลลิวินาทีเทียบกับ 175.8 มิลลิวินาทีของค่ายหลัง
ทั้งสองค่ายถือว่าเร็วมากโดยจัดอยู่ในอันดับ A+ ตามเกณฑ์มาตรฐานความเร็วเซิร์ฟเวอร์ของเรา
ทั้งสองบริษัทมีทีมสนับสนุนที่เชื่อถือได้และตอบสนองได้ดีซึ่งสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้หลายภาษา
ในแง่ของฟีเจอร์ Hostinger มีข้อดีบางประการที่ทำให้พวกเขาเป็นที่ต้องการมากกว่าเมื่อเทียบกับ GoDaddy
มาดูตารางเทียบกันเพื่อให้คุณเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าเรากำลังพูดถึงอะไร
หากคุณคิดว่าเรากำลังเปรียบเทียบแอปเปิ้ลกับส้มซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยเพราะเราใช้แพ็กเกจอิโคโนมีของ GoDaddy มาเทียบกับแพ็กเกจพรีเมี่ยมแชร์ของ Hostinger คุณคิดถูกแล้วครับ มันเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม เรามีเหตุผลที่ดีที่จะทำเช่นนั้น ราคาสมัครใช้ครั้งแรกของ Hostinger อยู่ที่ 90 บาทต่อเดือนสำหรับแพ็กเกจพรี่เมียมแชร์เทียบกับแพ็กเกจอิโคโนมีที่มีราคา 185 บาทต่อเดือนของ GoDaddy
กล่าวโดยย่อคือแพ็กเกจพรีเมี่ยมแชร์ของ Hostinger นั้นถูกกว่าแพ็กเกจระดับเริ่มต้นของ GoDaddy มาก แน่นอนว่าเรื่องนี้จะต้องมีการเปรียบเทียบ
คุณไม่ต้องเป็นอัจฉริยะ ก็รู้ได้เลยว่าแพ็กเกจไหนคุ้มค่ากว่ากัน
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในรีวิว Hostinger แบบเจาะลึกของเรา!
บทสรุป: GoDaddy ดีแต่คุณมีตัวเลือกที่ดีกว่า
If you’re dead set on using GoDaddy as your web host of choice, it’s perfectly fine.
หากคุณยืนยันเลือกที่จะใช้ GoDaddy เป็นเว็บโฮสต์ของคุณ ก็เป็นเรื่องไม่แปลกอะไร
ค่ายนี้เป็นเว็บโฮสต์ที่ดีด้วยความเร็วแรง ฟีเจอร์ที่เหมาะสม ทีมสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม การรับประกันช่วงเวลาให้บริการและโดเมนฟรี
เมื่อพิจารณาความตั้งใจและวัตถุประสงค์ทั้งหมด บริการเว็บโฮสติ้งของค่ายนี้ทำงานได้ดีพอและเว็บไซต์ของคุณจะไม่มีปัญหา มีอยู่เรื่องเดียวก็คือดูเหมือนว่าค่ายนี้จะไม่สามารถให้บริการได้มากเท่ากับคู่แข่งในแง่ของความคุ้มค่าและฟีเจอร์
GoDaddyเอาชนะ SiteGround ในด้านราคา แต่ไม่มีซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วหรือการกำหนดค่าพิเศษใด ๆ
เมื่อเทียบกับ Hostinger แล้ว GoDaddy นั้นเร็วกว่า อย่างไรก็ตาม Hostinger ดูเหมือนจะใจกว้างมากในแง่ของสิทธิประโยชน์และราคาช่วงแนะนำที่ยอดเยี่ยม
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพชัดเจนและให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองคิดดูสิครับว่าทำไมคุณต้องจ่าย 185 บาทสำหรับชีสเบอร์เกอร์ขนาดปกติเมื่อคุณสามารถจ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ได้ดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์หรือจ่ายน้อยกว่ามากเพื่อซื้อชุดสุดคุ้มซึ่งประกอบด้วยชีสเบอร์เกอร์พร้อมเฟรนช์ฟรายด์และเครื่องดื่ม
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดกันตรง ๆ ถึงข้อดีข้อเสีย GoDaddy ยังคงใช้ cPanel แม้ว่าราคาของ cPanel จะเพิ่มสูงขึ้นมาก ต่างจากบริษัทส่วนใหญ่ที่เลิกใช้แล้ว
หากคุณชื่นชอบ cPanel และไม่ต้องการเปลี่ยน GoDaddy อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ หากคุณกำลังมองหาฟีเจอร์ที่คุ้มค่ากว่าหรือมากกว่า ก็ขอให้พิจารณาค่ายอื่น
ฟีเจอร์หลัก
- ✓ ความเร็วที่ยอดเยี่ยม
- ✓ ศูนย์ข้อมูลใน 3 ภูมิภาค
- ✓ Uptime ไม่ต่ำกว่า 99.9%
- ✓ โดเมนฟรี
- ✓ การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
- ✓ cPanel
แนะนำสำหรับ
- • WordPress
- • Joomla
- • Prestashop
- • เว็บไซต์ขนาดเล็ก – กลาง
- • เว็บไซต์ธุรกิจ
GoDaddy
?
Uptime
99.99%
ประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์
A+
ราคาเริ่มต้นที่
186 บาท*รายเดือน
- • รวมโดเมนฟรีและอีเมล
- * ราคาเป็นไปตามแผน 36 เดือน
การเปิดเผยโฆษณา