pCloud

https://www.pcloud.com/

 

tl;dr

pCloud ทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องมือสำรองข้อมูลที่ยอดเยี่ยมและเครื่องมือแชร์งาน คุณสามารถใช้มันกับอุปกรณ์ดิจิทัลใดก็ได้และรักษาความปลอดภัยสูงสุดให้กับไฟล์ของคุณด้วยการเข้ารหัสด้วยตัวเอง และที่เจ๋งกว่าอะไรทั้งหมด คุณสามารถชำระค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียวสำหรับการสมัครสมาชิกตลอดชีพ! คุณยังสงสัยอีกไหมว่าทำไมเราถึงรัก pCloud เรียนรู้เพิ่มเติม

 

รีวิว pCloud – ข้อดี 9 ข้อและข้อเสีย 1 ข้อของการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ของ pCloud

 

เขียนโดย

Samuel Low

อัปเดตแล้ว

December 11, 2023

 

 

pCloud ก่อตั้งขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยบริษัทนี้ถือเป็นบริษัทค่อนข้างน้องใหม่ในตลาดการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์เมื่อตอนที่เริ่มเปิดตัวในปี 2013

 

แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ในวงการ แต่ pCloud ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บริการจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ของพวกเขาเป็นโซลูชั่นที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุดสำหรับผู้ใช้ส่วนบุคคลและธุรกิจ

 

 

สิ่งที่ทำให้ค่ายนี้ทิ้งห่างค่ายอื่นคือ ฟีเจอร์พิเศษทั้งสองนี้ :

 

 

จนถึงปัจจุบัน pCloud มีการจัดการจนชนะใจผู้ใช้มาแล้วมากกว่า 6 ล้านคนและได้รับการรับรอง ISO ในด้านของระบบการจัดการคุณภาพ (QMS) และระบบการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล (ISMS)

 

ซึ่งรวมไปถึงลูกค้ารายใหญ่ เช่น Uber, AirBnb, Twitter และ Instagram

 

 

ข้อดีของ PCloud

 

เราได้ตรวจสอบความเป็นมิตรกับผู้ใช้ ความพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่หลากหลาย ความสมบูรณ์ของข้อมูลและความปลอดภัย และแน่นอนต้องดูว่าราคาไม่แพง

 

1. ระบบ Rewind ของ PCloud จะทำให้ไม่สูญเสียไฟล์อีกต่อไป

 

เหตุผลส่วนหนึ่งที่ผู้คนใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์เป็นเครื่องมือสำรองข้อมูลคือ เพื่อให้พวกเขาอุ่นใจว่ามีข้อมูลสำรองไว้ครบทุกอย่าง หากพวกเขาบังเอิญสูญเสียไฟล์เนื่องจากไวรัส ความเสียหาย ข้อผิดพลาดหรือเพียงแค่บันทึกไฟล์สำคัญในเวอร์ชันที่ไม่ถูกต้อง

 

pCloud จะดำเนินการให้แน่ใจได้เสมอว่า คุณมีสำเนาไฟล์ที่สมบูรณ์สำหรับการดาวน์โหลดโดยจัดทำสำเนาทุก ๆ ไฟล์ที่คุณอัปโหลดไปที่เซิร์ฟเวอร์ของทางบริษัทเป็น 5 สำเนาและแยกจัดเก็บไว้ 3 แห่งภายในศูนย์ข้อมูลที่ปลอดภัยในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ถือว่าเป็นสุดยอดการป้องกันไฟล์ไม่ให้สูญหาย ถูกขโมยหรือเกิดความเสียหาย

 

นอกจากนี้ คุณจะไม่ประสาทเสียหรือครับถ้าคุณกำลังทำงานกับไฟล์สักไฟล์และเกิดข้อผิดพลาดจนทำให้มันผิดไปจากที่ตั้งใจ ไหนงานต้นฉบับของคุณยังไม่อยู่แล้วด้วยเพราะคุณได้เซฟทับมันไปแล้ว

 

pCloud ยังมีอีกฟีเจอร์ที่เรียกว่า pCloud Rewind ซึ่งติดตามประวัติไฟล์ของคุณเป็นเวลา 30 วัน ดังนั้นถ้าหากคุณทำไฟล์ปัจจุบันพลาดและบันทึกหรือลบไฟล์โดยไม่ตั้งใจ คุณสามารถย้อนกลับไปเป็นเวอร์ชั่นก่อนหน้าได้อย่างง่ายดาย

 

หากงานที่ทำเป็นโครงการระยะยาว คุณสามารถเลือกใช้ฟังก์ชั่นเสริมที่เรียกว่า ประวัติไฟล์แบบขยาย (EFH) เพื่อเก็บเวอร์ชั่นไฟล์ก่อนหน้าย้อนกลับไปได้นานถึง 360 วันถ้าคุณต้องการ

 

 

2. การรักษาความปลอดภัยชั้นยอดเพื่อปกป้องไฟล์ที่มีความละเอียดอ่อน

 

ในยุคที่ไฟล์ซึ่งมีข้อมูลละเอียดอ่อนสามารถถูกจารกรรมข้อมูล ถูกขโมยหรือเปลี่ยนแปลงได้ ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์และ pCloud ให้บริการที่ดีที่สุดแก่คุณด้วยบริการการเข้ารหัสที่เรียกว่า pCloud Crypto

 

 

ขอชี้แจงก่อนนะครับว่า ผู้ให้บริการคลาวด์ทั้งหมดใช้การเข้ารหัสขั้นสูงมาตรฐานการเข้ารหัส (AES) TLS / SSL 256 บิตที่ช่วยให้ระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ปกป้องไฟล์ของคุณระหว่างการถ่ายโอนจากอุปกรณ์ของคุณไปที่เซิร์ฟเวอร์

 

ใครก็ตามที่ดักไฟล์นี้ระหว่างทางไปยังที่จัดเก็บบนคลาวด์จะไม่สามารถดูไฟล์ของคุณได้หากไม่มีรหัส

 

แต่ยังไม่พอแค่นั้น เมื่อมันถูกอัปโหลดไปที่เซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์แล้ว ไฟล์เหล่านี้จะกลับมาอยู่ในรูปเดิมและนั่นหมายความว่าทุกคนที่สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ซึ่งไม่ใช่แค่พนักงาน pCloud เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงผู้บังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานของรัฐที่มีสิทธิ์เข้าถึงตามกฎหมาย

 

ฉะนั้น pCloud จึงยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลให้สูงขึ้นด้วยโปรแกรมเพิ่มเติมที่เรียกว่า pCloud Crypto ซึ่งเพิ่มอำนาจในการเข้ารหัสให้กับคุณในฐานะลูกค้า

 

ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้คุณสามารถเข้ารหัสไฟล์ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพาของคุณก่อนที่จะส่งไปยังพื้นที่เก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ สำหรับการปลดล็อค คุณจะต้องใช้รหัสที่สร้างขึ้นเองซึ่งเรียกว่า “CryptoPass”

 

ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าไฟล์ของคุณจะถูกเข้ารหัสอีกครั้งและถูกถอดรหัสในระหว่างการถ่ายโอน แต่ไฟล์ของคุณก็ยังมี การเข้ารหัสซ้อนไว้อีกชั้นด้วย pCloud Crypto ซึ่งใครก็ตามที่ไม่มีรหัส CryptoPass ของคุณจะไม่มีวันเข้าถึงไฟล์ได้

 

 

 

3. การจัดการไฟล์ที่สามารถทำได้ในขณะเดินทางเพื่อความสะดวกสบาย

 

จุดแข็งอย่างหนึ่งของ pCloud ก็คือ ความพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมด ได้แก่ Windows, Mac, Linux และแม้แต่ระบบมือถือ เช่น Android, iOS และ Windows mobile และด้วยฟีเจอร์การซิงค์อัตโนมัติของ pCloud ไฟล์ทั้งหมดจะได้รับการอัปเดตอย่างง่ายดาย

 

 

ลองนึกภาพว่า คุณกำลังทำไฟล์ PowerPoint อยู่ที่บ้านด้วยแล็ปท็อปของคุณเพื่อเตรียมนำเสนอในการประชุมครั้งสำคัญ ต่อมาระหว่างที่คุณขึ้นแท็กซี่เพื่อไปประชุม คุณได้รับข้อมูลใหม่และจำเป็นต้องเปลี่ยนสไลด์ระหว่างทาง

 

คุณสามารถทำได้เลยเพียงแค่เปิด pCloud บนมือถือของคุณ เปิดไฟล์ powerpoint และแก้ไขจากตรงนั้น พอคุณเปิดไฟล์จากแล็ปท็อปของคุณในครั้งต่อไป คุณจะได้เห็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดรออยู่แล้ว

 

ลองนึกภาพสถานการณ์ทำนองเดียวกันซึ่งคุณต้องแก้ไขไฟล์ แต่คุณไม่มีแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์พกพาอยู่กับตัว เพื่อนของคุณที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ยืมแล็ปท็อปและให้คุณใช้งานมันได้สักพัก แต่เนื่องจากบัญชีคลาวด์ของคุณถูกจำกัดการเข้าถึงจากเฉพาะแล็ปท็อปและมือถือของคุณเท่านั้น ฉะนั้น คุณจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่อเข้าถึงจากอุปกรณ์อื่น…คุณจะจ่ายไหม

 

ด้วย pCloud เราได้ทดสอบความเป็นไปได้ในเรื่องนี้และรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่ได้เรียนรู้ว่าไฟล์ของเราสามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์อื่น ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

ผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์บางรายผูกบัญชีของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปหรืออุปกรณ์มือถือ เราประหลาดใจอย่างยิ่งที่พบว่าไฟล์ของเราสามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์อื่นๆโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

 

4. จัดเก็บไฟล์ของคุณจากแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

 

หากก่อนหน้านี้คุณใช้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการรายอื่นอย่าง Google Drive หรือ Dropbox ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ pCloud สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างง่ายดายกับบริการของผู้ให้บริการรายอื่นและคุณยังสามารถอัปโหลดจากเว็บไซต์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

 

โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ Picasa ก็ทำได้

 

ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเชื่อมต่อกับ Facebook อัลบั้มของเราจะถูกสำรองข้อมูลและโครงสร้างโฟลเดอร์ยังคงอยู่กับภาพ Facebook ของเราซึ่งจัดอยู่ในไดเรกทอรีที่เกี่ยวข้อง

 

ค่ายนี้กำลังมองหาทางเชื่อมต่อเพื่อสำรองเว็บไซต์บน WordPress ในอนาคต ฉะนั้น ดูเหมือนว่า pCloud จะสามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์และบริการออนไลน์อื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไปได้ในไม่ช้า

 

 

5. แอปมือถือที่ใช้งานง่าย

 

เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มอื่น คุณมีโอกาสได้ลองสัมผัสกับแอปมือถือของ pCloud แล้วหรือยัง

 

แอปนี้มีอินเทอร์เฟสเรียบง่ายที่ให้ความสะดวกในการอัปโหลด จัดเรียงและแชร์ไฟล์ของเราตามที่เราต้องการเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

 

ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณแตะที่มุมซ้ายบนเพื่อเข้าถึงเมนูสไลด์ด้านซ้าย จะมีสี่ปุ่มให้คุณเข้าถึงไฟล์ประเภทต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์ของคุณ ได้แก่ เอกสาร เสียง วิดีโอหรือภาพ

 

 
 

นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดเรียงไฟล์ตามวิธีที่คุณต้องการใช้มันได้:

 

 

 

คุณยังสามารถแชร์ไฟล์และดูสถิติการแชร์ของคุณได้อย่างง่ายดาย โดยใช้ My Links เพื่อตรวจสอบว่าไฟล์ของคุณแชร์ออกไปอย่างไร

 

 
 

คุณยังมีตัวเลือกว่า คุณต้องการจัดระเบียบโครงสร้างของโฟลเดอร์และไฟล์อย่างไร คุณสามารถแก้ไขทีละรายการหรือเป็นกลุ่มและเพิ่มโฟลเดอร์ใหม่ได้เช่นกัน

 

 

ไอคอนค้นหาช่วยให้คุณติดตามไฟล์ที่คุณเลือกได้ง่ายขึ้นและไอคอนแชร์ที่อยู่ถัดจากแต่ละโฟลเดอร์จะให้อิสระในการแชร์และเชื่อมโยงเช่นเดียวกัน

 

 
 

หากคุณเป็นผู้ใช้ใหม่และต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน pCloud ช่วยให้คำแนะนำที่ครอบคลุมเพื่อเรียนรู้วิธีการใช้แอปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

เราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้จากในแอปมือถือและทุกอย่างที่เราทำจะถูกซิงโครไนซ์กับอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราเชื่อมต่อกับ pCloud ทันที

 

แต่คุณยังไม่จำเป็นต้องเชื่อเรา ลองดาวน์โหลดแอปและสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวคุณเองดู

 

 

6. ไดร์ฟ PCloud – ฮาร์ดไดรฟ์เสมือนออนไลน์ของคุณ

 

หากคุณมีข้อมูลจำนวนมากและมีพื้นที่ไม่เพียงพอในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณ คุณอาจจะคิดที่จะซื้อฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นการพกพาอุปกรณ์นั้นไม่ได้ทำให้คุณทำงานหรือแชร์ไฟล์ได้ง่ายเมื่อคุณเดินทาง

 

แต่ฮาร์ดไดรฟ์อัจฉริยะจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงทางออนไลน์ การซิงค์ข้อมูลทั้งหมดและการแชร์ไฟล์ในตัวโดยอัตโนมัติ

 

 

เราพบคำตอบในไดร์ฟ pCloud ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นเดสก์ท็อปที่ช่วยให้คุณจัดเก็บไฟล์และโฟลเดอร์ออนไลน์ที่ทำงานเหมือนกับมีฮาร์ดไดรฟ์พิเศษบนคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่มันทำงานได้ดีกว่าเพราะสามารถเข้าถึงทางออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา

 

 

7. เก็บข้อมูลสำคัญของคุณทั้งหมดที่ไม่ค่อยได้ใช้ในคลังข้อมูล

 

พูดถึงการจัดเก็บข้อมูล ไม่ว่าคุณจะดำเนินธุรกิจซึ่งมีไฟล์จำนวนมากต้องจัดการหรือเพียงแค่ต้องการที่จัดเก็บไฟล์ส่วนบุคคลของคุณโดยไม่ต้องใช้พื้นที่ในคอมพิวเตอร์ คุณสามารถใช้ pCloud เพื่อเก็บข้อมูลอันมีค่าของคุณได้อย่างปลอดภัย

 

ด้วยการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายระดับสูงของ pCloud ซึ่งเพิ่มเข้ามาจากการเข้ารหัส Crypto สำหรับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนประกอบกับตัวเลือกการสมัครสมาชิกตลอดชีพ คุณสามารถจัดเก็บข้อมูลสำคัญทั้งหมดของคุณได้อย่างไม่มีกำหนดและยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายจากอุปกรณ์ที่คุณเลือก

 

 

8. เข้าถึงไฟล์ของคุณได้ง่าย

 

ส่วนใหญ่แล้วเมื่อคุณต้องการอัปโหลดไฟล์ไปที่บัญชีพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ของคุณ คุณต้องผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยากในการใช้อินเทอร์เฟสเพื่อคลิกและเลือกไฟล์ของคุณทีละรายการ

 

ด้วย pCloud เราพบว่า การอัปโหลดนั้นง่ายมากเพียงแค่ลากและวางไฟล์ลงในเว็บพอร์ทัลหรือไดรฟ์เสมือน

 

นอกจากนี้ pCloud ยังมีปลั๊กอินเครื่องเล่นสื่อที่ติดตั้งในระบบเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและเล่นไฟล์วิดีโอ รูปภาพและเพลง

 

 

9. ใช้งานไฟล์ของคุณร่วมกับผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย

 

การแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์กับ pCloud นั้นง่ายมากด้วยการคลิกหรือแตะปุ่ม คุณสามารถสร้างลิงก์ดาวน์โหลดหรืออัปโหลดที่จะส่งถึงคนในรายชื่อผู้ติดต่อของคุณ คนเหล่านี้จะดาวน์โหลดไฟล์ของคุณหรือแชร์ไฟล์กับคุณในโฟลเดอร์ที่ตั้งไว้ได้อย่างงายดาย

 

 

คุณสามารถเชิญพวกเขาให้ร่วมจัดการโฟลเดอร์ที่ตั้งไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำงาน สำหรับผู้ใช้ที่เน้นทางธุรกิจอย่างจริงจัง บริการนี้คือเครื่องมือการทำงานจากระยะไกลอันทรงพลัง

 

 

 

ข้อเสียของ pCloud

 

เนื่องจาก pCloud มีโอกาสเรียนรู้จากบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ของค่ายอื่น ๆ มาก่อนที่จะสร้างของตัวเองขึ้นมา มันจึงไม่มีข้อเสียในฐานะผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์

 

อย่างไรก็ตาม มันยังมีบริการเสริมของ pCloud ที่ต้องซื้อแยกต่างหากจากการสมัครสมาชิก :

 

 

 

แพ็คเกจและราคาของ pCloud

 

pCloud มีแพ็คเกจการสมัครสมาชิกที่แตกต่างกันอยู่ 2 แบบและบริการเสริม 2 แบบแยกต่างหากเพื่อให้คุณเลือก

 

ทุกแพ็กเกจให้คุณเข้าถึงแอปพลิเคชั่นมือถือและเดสก์ท็อปได้ฟรี การถ่ายโอนที่มีความปลอดภัยสูง SSL การอัปโหลดไฟล์แบบไม่จำกัดขนาด (นี่ว่ากันตามทฤษฏี แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ว่างที่คุณมีด้วย) การย้อนหลังกลับไปเวอร์ชั่นเดิมของไฟล์ต่าง ๆ การแชร์ลิงก์ (ทั้งอัปโหลดและดาวน์โหลด)

 

ความแตกต่างของแพ็กเกจทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพรีเมี่ยมหรือพรีเมี่ยมพลัสคือ จำนวนพื้นที่เก็บข้อมูลและพื้นที่ทราฟฟิคดาวน์โหลดที่คุณได้รับ:

 

สมัครสมาชิกรายปี

 

 

แพ็คเกจพรีเมี่ยมรายปีมอบพื้นที่เก็บข้อมูล 500 GB และลิงก์ดาวน์โหลดทราฟฟิกพร้อมกับประวัติไฟล์ย้อนหลังได้ 30 วัน ในส่วนของพรีเมี่ยมพลัสรายปีเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากซึ่งจะอัปเกรดพื้นที่จัดเก็บเป็น 2 TB และลิงก์ดาวน์โหลดทราฟฟิก

 

 

สมัครสมาชิกตลอดชีพ

 

 

คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์แบบเดียวกับสมาชิกรายปีเพียงแต่จ่ายครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีวิตในราคาไม่แพงเลยคือ 6,200 บาทและ 12,400 บาทตามลำดับ

 

ยิ่งถ้าคุณวางแผนที่จะใช้งานคลาวด์ระยะยาวล่ะก็ สมาชิกตลอดชีพจะเป็นประโยชน์กับคุณในระยะยาวเพราะคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อต่ออายุสมาชิกอีกเลย!

 

จนถึงตอนนี้ ค่ายนี้เป็นผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์เพียงรายเดียวที่มีตัวเลือกนี้ให้กับคุณ และคุณสามารถบอกได้จากรายชื่อลูกค้ารายใหญ่ที่ pCloud ให้บริการว่า บริษัทนี้จะไม่หายไปไหน ฉะนั้น คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสมัครสมาชิกแบบนี้ว่าจะหมดอายุ…

 

 

 

บริการเสริม

 

นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น คุณสามารถซื้อบริการเสริมต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัยและมาตรการสำรองไฟล์เพิ่มเติม :

 

 

หากคุณต้องการทดลองก่อนสมัครใช้งานจริง การทดลองใช้ฟรี ให้พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ 10 GB (บวกอีก 4 GB เมื่อคุณติดตั้ง pCloud บนคอมพิวเตอร์และมือถือของคุณเสร็จสมบูรณ์) และปริมาณทราฟฟิกในการดาวน์โหลด 50 GB จากลิงก์แชร์ต่อเดือน ประวัติไฟล์ของคุณจะถูกเก็บไว้ไม่เกิน 15 วัน

 

 

 

ถ้านำ PCloud มาเทียบกับ Dropbox จะเป็นอย่างไร

 

 

Dropbox มีอยู่มานานแล้วกว่า 10 ปีในฐานะผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์และในปี 2016 ได้เปิดตัว Project Infinite ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถให้บริการที่เทียบเท่ากับ pCloud … ได้หรือไม่?

 

มีคนจำนวน 184,987 คนย้ายจาก Dropbox มาใช้ pCloud ด้วยเหตุผลที่ฟังเข้าท่าดี แต่คุณยังไม่ต้องเชื่อเรา ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบแบบเร็ว ๆ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง :

 

PCloud เทียบกับ Dropbox: ความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลด

 

ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการพิจารณาว่าผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ให้บริการดีหรือไม่คือความเร็ว ยิ่งการดาวน์โหลด อัปโหลดและซิงค์เร็วขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเข้าถึงและจัดการไฟล์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

 

pCloud ได้ทำการทดสอบความเร็วแบบเรียลไทม์ระหว่าง pCloud กับ DropBox ด้วยไฟล์วิดีโอขนาด 1.12 GB และนี่คือผลลัพธ์: pCloud เร็วขึ้น 84% ในการอัปโหลด และ เร็วขึ้น 61% ในการดาวน์โหลด เมื่อเทียบกับ Dropbox

 

 

PCloud เทียบกับ Dropbox: ความปลอดภัยของข้อมูล

 

ทั้ง pCloud และ Dropbox จะปกป้องไฟล์ของคุณด้วยการเข้ารหัสระหว่างการถ่ายโอนไฟล์ไปที่เซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม นั่นคือจุดสุดท้ายที่ Dropbox จะปกป้องไฟล์ของคุณด้วยการเข้ารหัส และในขณะที่ Dropbox เน้นว่าทางบริษัทมีนโยบายที่เข้มงวดในการป้องกันข้อมูลจากการเข้าถึงของพนักงานภายในบริษัท แต่ความจริงก็ยังคงเหมือนเดิมคือ ในทางเทคนิคพนักงานยังสามารถเข้าถึงไฟล์ของคุณได้นั่นเอง

 

อย่างไรก็ตาม pCloud ปิดช่องว่างนั้นด้วย pCloud Crypto ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง คุณจะสามารถเข้ารหัสด้วยตัวเองบนอุปกรณ์ของคุณและแม้แต่ pCloud ก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่คุณเก็บไว้ในบัญชีของคุณนอกเสียจากคุณจะเปิดเผยรหัส

 

 

PCloud เทียบกับ Dropbox: ราคาที่จับต้องได้และคุ้มค่าเงิน

 

คุณจะต้องมองหาความคุ้มค่าในแง่ของพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างแน่นอนเช่นเดียวกับสินค้าอื่น ๆ

 

เราได้ทำการเปรียบเทียบและพบว่าแพ็กเกจ Business ของ Dropbox มีราคาอยู่ที่ 514 บาทต่อเดือน (รวมภาษี) สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูล 1 TB ในขณะที่แพ็คเกจพรีเมี่ยมพลัสของ pCloud มีพื้นที่เก็บข้อมูล 2 TB ในราคา 248 บาทต่อเดือน

 

นั่นคือจำนวนพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่า 2 เท่าแต่ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง!

 

และหากคุณสมัครสมาชิกแบบตลอดชีพ คุณอาจจะต้องเจียดเงินก้อนใหญ่มาจ่ายเพียงครั้งเดียวซึ่งเท่ากับราคาการสมัครสมาชิกรายปี 3 ปีครึ่ง เห็นไหมครับว่า pCloud ช่วยคุณประหยัดได้มากจริง ๆ ในระยะยาว

 

 

PCloud เทียบกับ Dropbox: การติดตามไฟล์ย้อนหลัง

 

Dropbox ให้บริการประวัติไฟล์ย้อนหลังได้นานสูงสุด 120 วัน ในขณะที่ประวัติไฟล์แบบขยายของ pCloud ช่วยให้คุณสามารถติดตามประวัติการใช้งานย้อนหลังไปได้นานถึงหนึ่งปี ซึ่งดีกว่าสำหรับการติดตามย้อนหลังโครงการที่กินเวลานาน

 

 

ข้อสรุป: เราจะแนะนำ PCloud หรือไม่

 

แน่นอนครับ ! ขณะนี้ pCloud เป็นผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บอันดับหนึ่งที่เราเลือกเพราะให้ทุกอย่างที่ผู้ใช้ส่วนบุคคลและธุรกิจต้องการ พร้อมการรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้าในราคาที่จับต้องได้

 

ด้วยอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายบนทุกแพลตฟอร์มดิจิทัลที่คนรู้จักและพื้นที่มากถึง 2 TB แถมยังเลือกสมัครสมาชิกตลอดชีพได้อีก ถือว่าคุ้มค่าเงินทุกบาทที่คุณจ่ายไปเลยทีเดียว

 

เราอยากให้คุณลองสมัครใช้ฟรีและหาคำตอบด้วยตัวคุณเอง