วิธีการสร้างรายได้ออนไลน์ที่ทำได้จริง
ก่อนอื่น คุณต้องปรบมือให้กับตัวเองที่มาถึงจุดนี้ได้ จุดที่อยากจะมองหาวิธีสร้างรายได้ คุณน่าจะมีงานประจำทำอยู่แล้ว แต่กำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมจากเวลาว่างเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าเอาไว้ใช้กับงานอดิเรกหรือเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว
ข่าวดีก็คือ เรามีข้อมูลทุกอย่างที่คุณอยากรู้ ข้อมูลต่อไปนี้คือ 16 วิธี การสร้างรายได้ออนไลน์ซึ่งเราบอกหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊ก
สารบัญ
คีย์บอร์ดทรงพลังเสียยิ่งกว่าอาวุธ
- คุณเขียนเก่งใช่ไหม ให้บริการด้านงานเขียนเลย
- สอนผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊ค
- ใช้ความรู้ทางกฎหมายให้เกิดประโยชน์
ให้ใบเบิกทางไปสู่อนาคต
ส่งต่อศิลปะของคุณให้โลกเห็น
- สร้างงานศิลปะดิจิทัล – เป็นนักออกแบบกราฟิก
- ขายงานศิลปะของคุณ
- สร้างเกมง่าย ๆ ในโทรศัพท์เคลื่อนที่
- ถ่ายภาพขาย
- ถ่ายวิดีโอขาย
ใช้ประโยชน์จากการชอบเข้าสังคมโซเชียลมีเดีย
- เริ่มทำยูทูป
- สร้าง Podcase สำหรับผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม
- รับบริหารจัดการโซเชียลมีเดีย
- เป็นอินฟลูเอนเซอร์ (influencer) ทางโซเชียลมีเดีย
- นักออกแบบกราฟิกแบบเคลื่อนไหวสำหรับโซเชียลมีเดีย
- ขายสินค้าทางบล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณ
บทสรุป
ทำไมต้องสร้างรายได้ออนไลน์
ก็เพราะการสร้างรายได้ออนไลน์เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย และคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเพื่อทำงานนั้น ๆ อย่างเดียวที่คุณต้องทำก็คือ ไปอยู่ในสถานที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้นเอง การสร้างรายได้เสริมสามารถทำได้จากที่บ้าน คาเฟ่ หรือแม้แต่ในสวนสาธารณะ
ยิ่งไปกว่านั้น อินเทอร์เน็ตเป็นอะไรที่ไร้พรมแดน ดังนั้น สถานที่จึงไม่ใช้ข้อจำกัดด้วยเช่นกัน ความสามารถของคุณจะนำพาโปรเจ็กต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกมาหาคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงงานที่ลัดฟ้ามาจากหาดสวย ๆ ในฮาวาย
และก่อนที่คุณจะด่วนทึกทักเอาเองว่า เราจะนำเสนอข้อมูลงานออนไลน์ที่เห็นกันทั่วไปอย่างการคีย์ข้อมูลหรืองานพิสูจน์อักษรออนไลน์ที่ทำเงินได้เพียงน้อยนิดมาให้คุณเสียเวลาอ่านล่ะก็ บอกก่อนเลยว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะเราให้ความสำคัญกับเวลาของคุณ
แต่ก็อย่าเพิ่งฝันหวานว่าจะได้โกยเงินโกยทอง ขอให้คุณรู้ไว้ก่อนเลยว่า บทความนี้ไม่ใช่วิธีพาคุณรวยทางลัด แต่มันเป็นวิธีการพัฒนาและฝึกปรือทักษะที่หลบซ่อนอยู่ในตัวคุณ ในขณะเดียวกันนี้ก็เป็นการสร้างรายได้เสริมไปด้วยทางออนไลน์!
ที่เด็ดไปกว่านั้น หากคุณทำได้เจ๋งมาก ๆ เลยล่ะก็ คุณก็อาจจะสร้างรายได้เสริมจำนวนมากกว่าเงินที่ได้จากงานประจำที่คุณทำอยู่ตอนนี้ก็ได้ !
พร้อมแล้วเราไปดูกันเลย
คีย์บอร์ดทรงพลังเสียยิ่งกว่าอาวุธ
ส่วนแรกนี้จะประกอบด้วยเส้นทางการสร้างรายได้ออนไลน์จากการเขียน หากคุณเป็นคนที่ชอบเล่นกับคำ หรือเป็นเซียนไวยากรณ์ล่ะก็ ข้อนี้แลดูจะเหมาะกับคุณที่สุด
1. คุณเขียนเก่งใช่ไหม ให้บริการด้านงานเขียนเลย
มีอยู่สองสามทางที่คุณจะทำได้ และคุณจะต้องเปิดตัวให้คนอื่นรู้จัก เริ่มด้วยการเขียนบล็อกและเขียนงานดี ๆ ใส่เข้าไปเรื่อย ๆ
ทำอย่างไร
- ประกาศในบล็อกของคุณ
เขียนเกี่ยวกับบริการของคุณเอาไว้ในบล็อก รวมขอบเขตงานและรายละเอียดการติดต่อเข้าไปด้วย - ผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เปลี่ยนอินสตาแกรมของคุณให้เป็นช่องทางธุรกิจและสร้างเพจเฟสบุ๊กไว้ทำธุรกิจ โฆษณาบ้างตามที่จำเป็น
- ผ่านทางเว็บไซต์บุคคลที่สาม
เปิดบัญชีกับเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น Freelance และ Fiverr และติดประกาศบริการงานเขียนของคุณเข้าไป
อย่าลืมรวมสิ่งเหล่านี้ไว้ในใบเสนอราคาของคุณด้วยล่ะ:
- รายละเอียดงาน
- ระยะเวลาที่คาดว่าต้องใช้ในการทำงาน
- จำนวนครั้งสูงสุดในการแก้งาน
- ค่ามัดจำ
- ค่าบริการรวม
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ระหว่าง 310 บาทถึง 31,000 บาท สำหรับบทความลงในบล็อก เว็บไซต์ และงานเขียนในลักษณะเดียวกัน อาจจะคิดค่าบริการระหว่าง 775 บาทถึง 15,500 บาท
บางคนอาจจะอยากได้รับค่าจ้างตามจำนวนคำที่เขียน แต่มันอาจจะไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่างานเขียนจะออกมาดี เช่น การใช้เครื่องหมายวรรคตอนเยอะก็ไม่ได้ช่วยให้งานเขียนสละสลวยขึ้น ไม่ว่าจะงานเขียนแนวไหนก็ตาม
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
ไม่ต้องใช้ทุนในการเริ่มธุรกิจ และงานมีความยืดหยุ่น - ข้อเสีย
การแข่งขันกันทางออนไลน์และรายได้ไม่สม่ำเสมอ
2. สอนผ่านหน้ังสืออิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊ค
ปัจจุบัน การเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ทำได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว เพราะฉะนั้น จงใช้ประโยชน์จากมัน
นี่คือวิธีสร้างรายได้จากอีบุ๊คฟรีประเภทที่ไม่ใช่เรื่องแต่งแนวบันเทิงคดี
- ลงทะเบียนสร้างลิงก์พันธมิตรกับเว็บไซต์ตัวแทนการขายสินค้า อย่างเช่น Awin, ShareASale และ Max Bounty
- เลือกหนึ่งหัวข้อหรือมากกว่าหนึ่งก็ได้และเขียนเกี่ยวกับหัวข้อเหล่านั้นอย่างเป็นระบบ อ้างอิงถึงอีบุ๊คเล่มอื่น ๆ และเขียนอย่างผู้ที่มีแรงบันดาลใจ
- ออกแบบเลย์เอาต์หน้าให้ดึงดูดผู้อ่าน ทำให้ดูไหลลื่นอ่านสบายตา
- ส่งอีบุ๊คฟรีของคุณให้กับผู้ติดตามหรือเหล่าสมาชิกของคุณ
ต่อไปนี้เป็นวิธีการขายอีบุ๊คทั้งที่เป็นบันเทิงคดีและไม่ใช่บันเทิงคดี
- เขียนเรื่องสั้นของคุณ
- แก้ไข ปรับแต่งเรื่องที่เขียน รวมถึงทำปกหน้า ปกหลัง และเลย์เอาต์สวย ๆ ด้วย
- เผยแพร่เรื่องที่เขียนลงในเว็บไซต์อย่างเช่น Smashwords, Flash Fiction Online และ Kindle Direct Publishing
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเรื่องที่เขียนและจำนวนการเข้าถึงอีบุ๊คของคุณ คุณสามารถทำเงินตั้งแต่ 31 บาทถึงหลักหมื่นหลักแสนบาทเมื่อเวลาผ่านไป
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาว่าจะต้องเขียนอีบุ๊คเสร็จเมื่อไหร่ และเรื่องของคุณอาจจะกลายเป็นแหล่งรายโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร - ข้อเสีย
กว่ารายได้จะเข้ามาอาจจะใช้เวลานานมาก ๆ ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้น
3. ใช้ความรู้ทางกฎหมายให้เกิดประโยชน์
เราไม่จำเป็นต้องทำงานตามความรู้ที่ได้เรียนมา แต่จงใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์สำหรับอนาคต ใครที่เคยเรียนกฎหมาย ลองเอาความรู้ภูมิหลังเรื่องกฎหมายออกมารับจ้างร่างสัญญาและเอกสารอื่น ๆ ให้สำนักงานกฎหมายในรูปแบบงานอิสระดูบ้างก็ได้
ทำอย่างไร
ติดต่อสำนักงานกฎหมายที่คุณเคยทำงานให้มาก่อน เข้าหาสำนักงานกฎหมายแห่งใหม่ ๆ หรือโพสต์ประกาศบริการของคุณที่ Simply Hired หรือมองหาโอกาสเขียนงานด้านกฎหมายใน UpWork.
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ขึ้นอยู่กับประเภทเอกสาร ราคาโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่คำละ 6 บาท ซึ่งก็หมายความว่าหากคุณเขียนเอกสารที่มีจำนวนคำ 1,000 คำ คุณจะได้รับค่าจ้าง 6,200 บาท
สำหรับจดหมายที่มีความยาวสามถึงสี่ย่อหน้าและเขียนด้วยภาษากฎหมายอย่างเป็นทางการ คุณสามารถเรียกค่าจ้างแพงกว่าได้โดยเริ่มต้นที่ 3,100 บาท
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
มีรายได้เข้ามาง่ายเมื่อคุณสร้างชื่อในวงการนี้ได้แล้ว - ข้อเสีย
เป็นงานที่ไม่สม่ำเสมอและมีวันกำหนดส่งที่ให้ระยะเวลาทำน้อย
ให้ใบเบิกทางสู่อนาคต
ถ่ายทอดความรู้ของคุณออกมาด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์โดยที่ไม่ต้องพบกับผู้เรียนแบบตัวเป็น ๆ การสอน อาจจะเกี่ยวกับรายวิชาที่สอนกันในโรงเรียน เช่น คณิตศาสตร์หรือเคมีศาสตร์ ไปจนถึงงานอดิเรกทั่วไป หรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ
4. เริ่มต้นสอนกวดวิชาทางออนไลน์
หากคุณเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนที่กำลังมองหารายได้เสริมโดยที่ไม่ต้องเปิดคลาสเรียนจริง ๆ คุณสามารถสอนกวดวิชาทางออนไลน์ได้ ลองลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Educators Overseas, Tutoring และ Bibo Global.
ทำอย่างไร
- ลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มที่เราระบุไว้ด้านบนสักหนึ่งแห่งหรือมากกว่านั้นก็ได้
- เตรียมพร้อมให้แน่ใจว่าคุณมีเอกสารหรือใบรับรองเกี่ยวกับวิชาที่คุณต้องการสอน
- เอกสารทุกชิ้นต้องผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง
- เตรียมการสอนให้ดีและให้นักเรียนของคุณมีส่วนร่วมระหว่างการสอนในห้องเรียนออนไลน์
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ค่าสอนจะอยู่ระหว่าง 310 ถึง 930 บาทต่อชั่วโมง อีกทางเลือกคือ ทำการสอนผ่านทาง Skype (นอกแพลตฟอร์ม) และเก็บค่าเรียนเป็นชั่วโมง
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
สะดวกและง่ายในการบริหารจัดการและการสอน - ข้อเสีย
อาจเกิดปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไม่ผูกพันกับนักเรียน
5. สร้างคอร์สออนไลน์
ตลาดการเรียนการสอนทางออนไลน์กำลังเฟื่องฟูมากและคุณควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ทุกวันนี้ คอร์สออนไลน์เป็นสิ่งที่ผู้คนนิยมกันอย่างแพร่หลายมาก ๆ และเนื้อหาก็มีความหลากหลายตั้งแต่การทำสวนไปจนถึงเรื่องวิวัฒนาการเลยทีเดียว
ทำอย่างไร
- จงเป็นมืออาชีพในเรื่องนั้น ๆ
- ออกแบบหลักสูตรที่ทำให้การเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ มีความน่าสนใจและน่าดึงดูด ใช้เอกสาร วิดีโอ คำถาม รูปภาพ และกิจกรรมที่สนุกร่วมด้วย
- ลองใช้ Udemy, Skillshare หรือ Thinkific ในการสอนคอร์สออนไลน์
- เขียนหัวข้อเรื่องที่ดึงดูดผู้เข้าเรียน
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าคอร์สของคุณเจ๋งแค่ไหน แพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะคิดค่าคอมมิชชัน (Udemy จะคิด 50% และอาจจะลดลงหากเนื้อหาของคุณมีคนสนใจเข้าเรียนมากขึ้น) โดยทั่วไปแล้วคุณจะทำรายได้ระหว่าง 12,400 ถึง 31,000 บาทภายในสองสามเดือนแรก
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างกระแสรายได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม - ข้อเสีย
ต้องทำอะไรเยอะมากเพื่อให้คอร์สออกมาดี รวมถึงบันทึกการบรรยาย ร่างเนื้อหา และสร้างหลักสูตรให้แก่ผู้เรียน
ส่งต่อศิลปะของคุณให้โลกเห็น
หัวศิลปะ ตาถึงในทุกรายละเอียดและใช้เครื่องมือสร้างศิลปะได้อย่างคล่องแคล่ว ถ้าที่กล่าวมานี้ตรงกับตัวคุณล่ะก็ นี่คือวิธีที่คุณจะสร้างรายได้
6. สร้างงานศิลปะดิจิทัล – เป็นนักออกแบบกราฟิก
หากคุณเก่งโปรแกรม Adobe Photoshop, Illustrator หรือ InDesign อย่าลืมเอามันมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ทำอย่างไร
- มองหาตำแหน่งงานว่างในโลกออนไลน์ มีโอกาสมากมายเข้ามาเรื่อย ๆ ให้คุณคว้ามาเป็นของคุณได้ใน Facebook Fiverr, Indeed และแม้แต่ใน Flexjobs
- ขอข้อมูลจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ แนวทาง แบบตัวอักษร โครงสี แนวทางการใช้สีเพื่อสื่ออารมณ์ และอื่น ๆ
- สร้างงานและส่งมอบ ยอมให้ปรับเปลี่ยนได้บ้าง แต่อย่าให้ลูกค้าเปลี่ยนแนวของภาพไปอย่างสิ้นเชิงโดยที่ไม่จ่ายค่าจ้างเพิ่มเติมในส่วนนี้
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
คุณสามารถเรียกค่าบริการได้เฉลี่ย 930 บาทต่อหนึ่งแบบนามบัตร สำหรับโลโก้ เลย์เอาต์และสื่อทางการตลาด สามารถเรียกค่าบริการได้ตั้งแต่ 3,100 บาทถึง 62,000 บาทต่อโปรเจ็กเลยทีเดียว
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
หางานง่าย - ข้อเสีย
ใช้เวลานานหากลูกค้าไม่ชัดเจนว่าต้องการให้งานออกมาแบบไหน
7. ขายงานศิลปะของคุณ
หากคุณเป็นนักประดิดประดอยและมีน้ำหนักมือที่เบาปราณีต ลองทำให้งานอดิเรกของคุณกลายมาเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ดูสิ
ทำอย่างไร
- คุณมีฝีมือด้านการถักโครเชต์ นิตติ้ง เย็บผ้า หรืองานหัตถกรรมใช่ไหม เลือกเอาอย่างหนึ่งและพัฒนาชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนและใช้ประโยชน์ได้
- เริ่มต้นด้วยการผลิตเป็นคอลเลคชันหรือผลิตหลาย ๆ ชิ้น
- สร้างแพลตฟอร์มเอาไว้ขายชิ้นงานของคุณ ซึ่งอาจจะเป็นในรุปแบบของบล็อกส่วนตัว ร้านค้าออนไลน์ทาง Shopify หรือในเว็บไซต์บุคคลที่สาม เช่น Etsy และ ArtFire
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
คุณสามารถตั้งราคาชิ้นงานได้ตามสมควรหลังจากทบทวนราคาต้นทุนจากวัสดุที่ใช้และเวลาที่ใช้ไป นักประดิดประดอยบางคนมีรายได้ตั้งแต่ 775 บาทถึง สามหมื่นหรือมากกว่านั้นต่อเดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเปฺ็นที่รู้จักมากน้อยแค่ไหน
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เป็นการเปลี่ยนงานอดิเรกให้สร้างรายได้ - ข้อเสีย
อาจใช้เวลานานกว่าจะทำกำไรได้และเป็นงานที่ใช้เวลาการสร้างชิ้นงานนาน
8. สร้างเกมง่าย ๆ ในโทรศัพท์เคลื่อนที่
คุณเป็นนักประดิษฐ์และชอบเล่นเกมมือถือใช่ไหม ความหลงใหลนี้อาจสร้างรายได้ก้อนใหญ่ให้คุณ
ทำอย่างไร
- ลองใช้ซอฟต์แวร์วิดีโอเกมแบบต่าง ๆ ที่มีในตลาด เช่น Buildbox Stencyl และ Snappy แต่จำไว้ว่า สำหรับ Buildbox และ Snappy นั้น คุณจะต้องซื้อแอปพลิเคชันก่อนจึงจะใช้ได้ แต่กับ Stencyl คุณสามารถใช้งานได้ฟรี แต่จะไม่สามารถเผยแพร่เกมได้
- เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับซอฟต์แวร์แล้ว ลองสร้างเรื่องราวและวัตถุประสงค์ของเกม เกมที่ดีที่สุดจะต้องเรียบง่ายแต่ชวนติดตาม
- ทำการทดลองกับผู้คนที่ชอบเล่นเกมและปรับเปลี่ยนรูปแบบเกมตามข้อเสนอแนะ
- วางฐานรางวัลโดยให้ผู้เล่นดูโฆษณาหรือขายแบนเนอร์โฆษณาในเกม
- เผยแพร่เกมของคุณและทำการตลาดเพื่อให้คนดาวน์โหลดเกมมากขึ้น
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ถ้าทำออกมาประสบความสำเร็จ คุณก็รวยเลยล่ะ บางคนทำรายได้ตั้งแต่ 7,750 ถึง 775,000 บาทต่อเดือนซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนการดูโฆษณาภายในเกม ดังนั้น ยิ่งมีคนเล่นเกมของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีรายได้เพิ่มและเร็วมากขึ้นเท่านั้น
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เป็นรายได้แบบที่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มและจะได้เพิ่มหลายเท่าตัวหากเกมของคุณได้รับความนิยมในคนหมู่มาก - ข้อเสีย
อาจจะต้องใช้เวลานานในการสร้างและทดสอบเกม
9. ถ่ายภาพขาย
ถ้าคุณมีสายตาเฉียบคมในการถ่ายภาพให้ออกมาสวยงามและรู้จักการใช้เทคนิคปรับแต่งภาพให้สวยยิ่งขึ้นไปอีก คุณควรนำรูปภาพสวย ๆ เหล่านั้นมาขาย
ทำอย่างไร
- คุณต้องมีกล้องถ่ายรูปและซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพอย่างดี เริ่มถ่ายภาพที่คุณคิดว่าบริษัททั่วไปหรือองค์กรด้านสื่ออยากจะซื้อ
- ลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีกับแพลตฟอร์มที่ช่วยเชื่อมต่อคุณกับผู้สนใจซื้อภาพ ลองเข้าไปดู Fotolia, PIXERF, Shutterstock, Crestock, Dreamstime, Bigstock, Snapped4u, Alamy หรือ TourPhotos
- อัปโหลดรูปภาพของคุณ
- สร้างและแสดงผลงานสะสมของคุณไปเรื่อย ๆ
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
รายได้ระหว่าง 76 ถึง 31,000 บาทต่อเดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่ซื้อรูปภาพของคุณ
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่ถ่ายภาพ ปรับแต่งและอัปโหลด แถมเป็นรายได้ที่งอกเงยได้เองในอนาคตโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม - ข้อเสีย
มีคู่แข่งทางออนไลน์จำนวนมาก ใช้เวลาสร้างและสะสมผลงานภาพถ่าย
10. ถ่ายวิดีโอขาย
ข้อนี้เป็นเหมือนลูกพี่ลูกน้องกันกับการถ่ายภาพขาย มันคือเรื่องเดียวกันแต่มีแนวทางที่แตกต่างและต้องใช้ความพยายามมากกว่าหน่อย
ทำอย่างไร
- เลือกแนวที่คุณต้องการถ่ายทำ โดยมากมันจะเป็นแบบคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงลักษณะเด่นอะไรบางอย่าง
- ลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีกับแพลตฟอร์มที่ช่วยเชื่อมต่อคุณกับผู้ซื้อภาพวิดีโอของคุณ ลองเข้าไปดู Pond5, Shutterstock, Filmsupply และVideoBlocks
- อัปโหลดวิดีโอของคุณและสร้างผลงานสะสมไปเรื่อย ๆ
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่/h3>
รายได้ระหว่าง 1,550 ถึง 310,000 บาทต่อเดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่ซื้อภาพวิดีโอของคุณ
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
ได้เงินดีกว่าการถ่ายภาพขาย เป็นรายได้ที่งอกเงยขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม - ข้อเสีย
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการผลิตวิดีโอและต้องใช้เวลาในการสร้างผลงานสะสม
ใช้ประโยชน์จากการชอบเข้าสังคมโซเชียลมีเดีย
เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ พินเทอร์เรสต์ ถ้าวัน ๆ คุณวนเวียนอยู่กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มไหนก็ตาม คุณอาจจะเหมาะกับงานต่อไปนี้
11. เริ่มทำยูทูป
ไม่ต้องทำ vlog ด้วยตัวเองแต่ลองเริ่มทำช่อง Youtube ที่มีเนื้อหาคุณภาพคับแก้ว หากคุณมีทักษะ รู้ลึกรู้จริงในเรื่องที่สนใจ และมีบุคลิกภาพที่น่ามองและน่าเชื่อถือ ไม่ต้องไปไหนไกล มาเริ่มทำยูทูปเถอะ!
ทำอย่างไร
- เลือกประเภทเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอต่อผู้ชม หากเป็นเรื่องการเงิน แจกแจงหัวเรื่องของคุณเอาไว้เป็นลำดับเวลา เพื่อที่คุณจะได้มีอะไรเก็บไว้แชร์ในวิดีโอ
- เขียนสคริปต์ให้พร้อมและเริ่มต้นถ่ายวิดีโอ
- ตัดต่อวิดีโอเพื่อไม่ให้มันยืดยาวเกินไปและตัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออก อาจลองใส่ซับไตเติ้ลและแอนิเมชันเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินให้คนดู
- เผยแพร่และแชร์วิดีโอ
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
คุณต้องไม่คาดหวังว่าจะรวยเร็วอย่าง vlogger ที่มีชื่อเสียงหลายคน อาจจะใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะได้รับเงินจำนวน 100 ดอลลาร์หรือประมาณ 3,100 บาทจาก Youtube อย่างไรก็ตาม จงอดทนทำต่อไปเพื่อให้จำนวนผู้ติดตามดูเพิ่มขึ้น
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เริ่มต้นทำง่ายและเมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณอาจจะมีรายได้งอกเงยขึ้นเองในอนาคตโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
- ข้อเสีย
ใช้เวลาในการทำค่อนข้างนานและคุณต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านการถ่ายทำและการตัดต่อวิดีโออยู่ตลอด
12. สร้าง Podcase สำหรับผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม
ข้อนี้ก็คล้าย ๆ กันกับการทำบล็อกและ Youtube การทำ Podcast เป็นดั่งลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แค่คุณต้องใช้เสียงด้วยเท่านั้นเอง
ทำอย่างไร
- เลือกประเภทเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอต่อผู้ชม คุณมีอิสระในการผลิตเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งในรูปแบบที่แบ่งเป็นตอน ๆ และต้องใช้กลยุทธ์ในการวางลำดับเรื่อง ตัวอย่างเช่น หากคุณจะแชร์เรื่องการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี คุณต้องตรงประเด็นและสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
- อัด Podcast ของคุณ
- โพสต์ลงในแพลตฟอร์ม ในที่นี้เราแนะนำ Spotify
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้ทำเงินเป็นกอบเป็นกำในตอนแรก แต่หาก Podcast ของคุณดีมีคุณภาพ คุณก็จะค่อย ๆ มีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถติดต่อขอสปอนเซอร์จากบริษัทต่าง ๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ เงินสปอนเซอร์ที่จะได้รับมีตั้งแต่ 3,100 ถึง 24,800 บาทซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณเสนอไปเท่าไหร่ ธุรกิจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่่นำเสนอมากน้อยแค่ไหน และจำนวนผู้ฟังทั้งหมด
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เริ่มต้นและอัปโหลดง่าย - ข้อเสีย
ต้องอดทนมากจริง ๆ กว่าจำนวนผู้ติดตามจะเพิ่มขึ้นจนคุณสามารถขอสปอนเซอร์ได้
13. รับบริหารจัดการโซเชียลมีเดีย
ทุกวันนี้ หลายบริษัทต่างตระหนักถึงความสำคัญของโซเชียลมีเดีย และตรงนี้เองที่คุณจะเข้าไปให้บริการบริหารจัดการโซเชียลมีเดีย
ทำอย่างไร
- เข้าหาคนที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของคุณ พร้อมทำรายการแจกแจงสิ่งที่คุณจะทำเพื่อช่วยเพิ่มเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย รวมถึงกระตุ้นให้คนในโซเชียลมีเดียมีส่วนร่วมมากขึ้น
- จัดทำวิธีการต่าง ๆ ให้กับบริษัทของลูกค้า ตั้งแต่วิธีการทำแคมเปญ วิธีการโพสต์และการสร้างแบรนด์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊คและอินสตาแกรม
- วางแผนและกำหนดเวลาโพสต์ตามความต้องการของลูกค้า
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
คุณสามารถคาดหวังค่าบริการตั้งแต่ 3,100 ถึง 155,000 บาทซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณทำอะไรมากน้อยแค่ไหน คอยเรียนรู้กลไกการทำงานของโซเชียลมีเดีย เพิ่มการมีส่วนร่วมและรู้วิธีถอดสถิติที่ได้จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
น่าจะมีรายได้มั่นคงทุกเดือน ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำกับลูกค้า - ข้อเสีย
อาจจะใช้เวลานานในการทำงานเพราะคุณจะต้องกำหนดเวลาโพสต์ ระดมสมอง รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียซึ่งเปลี่ยนแปลงบ่อย
14. เป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ทางโซเชียลมีเดีย
หากพูดถึงอินฟลูเอนเซอร์ทางโซเชียลมีเดีย เราจะนึกถึงการไปกินฟรี เที่ยวฟรี โดยมีลูกค้าเป็นสปอนเซอร์ เรื่องดีก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียถึง 1 แสนคนเพื่อที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอต่องานนี้ ในปัจจุบัน กำลังมีอินฟลูเอนเซอร์รายเล็ก ๆ ออกมาและบัญชีของพวกเขาก็มีผู้ติดตามอยู่ไม่กี่พันคนเท่านั้น
ทำอย่างไร
- ลงทะเบียนโปรแกรมหรือเข้าหาบริษัทต่าง ๆ หากคุณมั่นใจว่า คุณมีพลังที่จะทำการตลาดให้สินค้าหรือบริการผ่านความเป็นแบรนด์ในตัวคุณ ลองเข้าไปที่ Global Influencer Agency หรือ Leaders
- เมื่อติดต่อได้แล้ว คุณจะต้องหาทางแชร์แบรนด์ของพวกเขาลงในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของคุณ ซึ่งอาจจะเป็นการพูดถึงแบรนด์ตรง ๆ หรือทำวิดีโอส่งเสริมแบรนด์ขึ้นมา
- อย่าลืมทำตามข้อกำหนดในสัญญากับลูกค้าและต้องมั่นใจว่า คุณได้ดำเนินการครบทุกอย่างในเพจโซเชียลมีเดียของคุณ
ฉันน่าจะได้เงินสักเท่าไหร่
คุณอาจจะได้รับค่าจ้างในรูปของเงินสปอนเซอร์กว่า 155,000 บาทในการทำโปรเจ็ก
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เป็นงานที่มีความยืดหยุ่น มีผลพลอยได้ที่ดีเยี่ยม และเพิ่มจำนวนผู้ติดตามให้ตัวคุณเองด้วย - ข้อเสีย
ยากที่จะแยกชีวิตส่วนตัวออกจากงาน ยิ่งชีวิตของคุณมีความดราม่าและตื่นเต้นมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งมีคนเข้ามาติดตามมากขึ้นเท่านั้น
15. นักออกแบบกราฟิกเคลื่อนไหวสำหรับโซเชียลมีเดีย
การมีวิดีโอในโซเชียลมีเดียนั้นแตกต่างจากการอัดวิดีโอและเอามาตัดต่อแบบง่าย ๆ หน้าที่ของนักออกแบบแนวนี้คือ การทำให้ภาพนิ่งเคลื่อนไหวได้ พร้อมกับสร้างแอนิเมชันชวนติดตามภายในกรอบเวลาที่กำหนดเพื่อเอามาขาย
ทำอย่างไร
- ลองเข้าไปสมัครใช้เว็บไซต์ Freelancer หรือ Guru
- ขอรายละเอียดที่ชัดเจนรวมถึงเป้าหมายต่าง ๆ ของลูกค้า
- ทำสตอรี่บอร์ดและผลิตวิดีโอภาพเคลื่อนไหวสำหรับเฟสบุ๊คหรืออินสตาแกรม
ฉันน่าจะทำเงินได้สักเท่าไหร่
ระหว่าง 3,000 ถึง 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับงานและปริมาณการคิดออกแบบที่จำเป็น
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เป็นงานที่มีความยืดหยุ่น สามารถทำให้แล้วเสร็จโดยใช้ซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ - ข้อเสีย
ต้องคอยอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในโซเชียลมีเดีย และประสิทธิภาพของงานจะขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของสาธารณะ
16. ขายสินค้าทางบล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณ
บล็อกและ vlog เป็นช่องทางที่น่าสนใจในการแสดงความคิดและไอเดียของคุณ และคุณยังสามารถสร้างรายได้อีกด้วย หากคุณขายของที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชมของคุณได้
ทำอย่างไร
- คุณต้องขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่คุณนำเสนอ หากคุณเป็นบล็อกเกอร์ด้านแฟชั่น คุณสามารถสร้างบล็อกร้านค้าเพื่อขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
- ซื้อสินค้าเป็นแพ็กทางออนไลน์ ซึ่งโดยปกติจะมี 6 หรือ 10 ชิ้นในหนึ่งแพ็กและมีขนาดที่แตกต่างกันไป นำสินค้าเหล่านี้มาขายต่อหากคุณมีผู้ติดตามจำนวนมาก
- เพิ่มตัวเลือกการชำระเงินไว้ในบล็อกหรือเว็บไซต์เพื่อที่คุณจะสามารถรับออเดอร์และการชำระเงินได้
- จัดส่งสินค้าตามที่แจ้งเอาไว้ในเว็บไซต์
ฉันน่าจะได้เงินสักเท่าไหร่
คุณจะมีรายได้มากขึ้นหากคุณมีผู้ติดตามจำนวนมากหรือขายสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชม หากคุณมีแฟนผู้จงรักภักดีมากพอ คุณจะสามารถดึงดูดผู้ซื้อเข้ามาได้เรื่อย ๆ เมื่อเปิดตัวสินค้า ในแต่ละครั้งที่เปิดตัวสินค้า คาดว่าจะมีรายได้ 3,100 ถึง 160,000 บาท
ข้อดี & ข้อเสีย
- ข้อดี
เริ่มต้นและโปรโมทง่าย - ข้อเสีย
สินค้าน่าจะขายได้ง่ายมากขึ้นหากมีผู้ติดตามบล็อกหรือโซเชียลมีเดียอยู่แล้วก่อนที่จะเปิดตัวสินค้า
บทสรุป
แล้วคุณก็ได้รู้ถึง 16 ช่องทางที่คุณสามารถหยิบมาใช้ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ทำเงินเล็ก ๅ น้อย ๆ ให้คุณเท่านั้น แต่ละข้อล้วนเป็นการลงทุนเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคตทั้งสิ้น สิ่งสำคัญที่คุณต้องพึงระลึกไว้เสมอก็คือ ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน นั่นคือการลงทุนเพื่ออนาคต
แน่นอน คุณสามารถเลือกที่จะรับทำแบบสำรวจหรือคีย์ข้อมูล แต่งานเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้คุณก้าวหน้าไปไหนเลยในระยะยาว ไม่ต้องพูดถึงจำนวนเงินที่คุณจะได้หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานที่แสนจะธรรมดา
งานอิสระของคุณควรจะให้มากกว่าแค่เงินในบัญชีธนาคาร ควรจะเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์การทำงานซึ่งเปรียบเสมือนการลงทุนสำหรับอนาคต หากคุณลงทุนกับงานที่ดี คุณจะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มทวีคูณ
ทันทีที่คุณได้ลิ้มลองการสร้างรายได้ออนไลน์แล้ว คุณจะรู้เลยว่า จริง ๆ แล้ว มันทำเงินให้คุณได้มากมายหากคุณเดินถูกทาง ตอนนี้ คุณอาจจะอยากเริ่มทำธุรกิจออนไลน์บ้างแล้ว ฉะนั้น เราเลยมีบทความมาอธิบายถึงวิธีการต่าง ๆ อย่างครบถ้วนให้คุณเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง
ระหว่างนี้ เขียนมาบอกเราหน่อยสิว่า โปรเจ็กต่อไปที่คุณจะเริ่มทำคืออะไร