เนื้อหาของ Bitcatcha เกิดจากการสนับสนุนของผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากพันธมิตร เรียนรู้เพิ่มเติม

6 ส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome ที่ดีที่สุดในปี 2023 (แบบเสียเงิน 3 และแบบฟรี 3)

เขียนโดย
Timothy Shim
อัปเดตแล้ว
December 11, 2023

 

หากคุณได้อ่านบทความเกริ่นนำของผมเกี่ยวกับ เครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล (VPN) ตอนนี้คุณอาจจะรู้ว่า หน้าที่หลัก ๆ ของมันไม่ซับซ้อนอะไรเลย

 

หน้าที่ของ VPN คือ สร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของคุณและข้อมูลที่คุณพยายามเข้าถึงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในขณะเดียวกัน VPN ก็ต้องรักษาความปลอดภัยข้อมูลด้วยการเข้ารหัส

 

ฟังดูง่ายก็จริงแต่การทำงานไม่ได้ง่ายอย่างนั้น แก่นสำคัญของ VPN ซึ่งได้แก่ความปลอดภัย การไม่เปิดเผยตัวตน ความเร็วและความเสถียรล้วนมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของธุรกิจนี้

 

6 ส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome

 

ส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome แบบที่ต้องจ่ายเงิน 3 อันดับแรก

  1. NordVPN
  2. ExpressVPN
  3. Surfshark

 

ส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome แบบฟรี 3 อันดับแรก

  1. TunnelBear
  2. PureVPN
  3. ZenMate

 

ส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome ที่ต้องจ่ายเงิน 3 อันดับแรก

 

แม้ผมจะบอกว่าต้องจ่ายเงิน แต่ผมต้องบอกเหมือนกันว่า ส่วนขยายเบราว์เซอร์ VPN ส่วนใหญ่ที่คุณจะเจอบนออนไลน์นั้นสามารถติดตั้งได้ฟรี อย่างไรก็ตาม บางค่ายจะต้องให้คุณจ่ายเงินค่าสมัครใช้บริการก่อนที่จะยอมให้ใช้ส่วนขยายเหล่านั้นได้ (ทำให้กลายเป็นส่วนขยายที่ต้องจ่ายเงินอยู่ดี) เอาล่ะครับ ไม่ต้องเสียเวลาสาธยาย อะไรกันมาก ตอนนี้มาดูรายชื่อตัวเลือกส่วนขยายแบบที่ต้องจ่ายเงิน 3 อันดับแรกที่เราขอแนะนำดีกว่า

 


ประสิทธิภาพโดยรวม

ดีมาก

คะแนนของเรา

Rated 4 out of 5Rated 4 out of 5Rated 4 out of 5Rated 4 out of 5

ราคา

216 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 4,400 แห่ง
  • DNS ซ้อน DNS
  • ใช้ได้กับอุปกรณ์มากกว่า 6 เครื่อง
  • การสื่อสารเข้ารหัสแบบ PGP
  • โปรโตคอลหลายตัว

"NordVPN มาในแพ็คเกจที่น่ารักมากและประสิทธิภาพสูงด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ VPN หลายพันเครื่องทั่วโลก"

 

ส่วนขยาย NordVPN สำหรับ Chrome ค่อนข้างจะแปลกเล็กน้อย จำที่ผมบอกได้ไหมว่า ExpressVPN นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการความรู้สึกว่า แค่คลิกเดียวก็ท่องอินเทอร์เน็ตได้แล้ว ส่วนขยาย NordVPN นั้นคล้ายกันแต่ไม่ทั้งหมด

 

อันที่จริง คุณแทบจะจัดการอะไรในแอปด้วยตัวเองได้น้อยมาก ในเรื่องของการเลือกเซิร์ฟเวอร์ อย่างเดียวที่คุณทำได้คือเลือกประเทศ ตัวอย่างเช่น จากที่พยายามเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา ผมต้องลุ้นมากเลยว่าสุดท้ายแล้วจะไปเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของรัฐไหน มันน่ารำคาญอยู่บ้าง

 

ในขณะที่ผมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาได้อย่างรวดเร็ว แต่สัญญาณแย่มากจนการทดสอบความเร็วไม่สามารถระบุเซิร์ฟเวอร์ที่ชัดเจนให้ผมได้ การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในมาเลเซียก็ช้าจนน่าตกใจและในที่สุดผมก็ต้องไปจบที่เซิร์ฟเวอร์ใน สิงคโปร์ ซึ่งให้ค่าความเร็วที่น่าพอใจมาก

 

NordVPN extension

 

ข้อดี

  • อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและสะอาดตา
  • การเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วมาก

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถเลือกรัฐหรือจังหวัดได้
  • เซิร์ฟเวอร์บางตัวมีการเชื่อมต่อที่แย่มาก


 

 


ประสิทธิภาพโดยรวม

ดีมาก

คะแนนของเรา

Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5

ราคา

258 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • ใช้งานง่าย
  • เครือข่าย VPN ทั่วโลก
  • ปิดการใช้งาน VPN ได้ตลอด
  • การป้องกันการรั่วไหลของ DNS
  • การบล็อก WebRTC

การผสมผสานอย่างลงตัวของการรักษาความปลอดภัย การปกปิดตัวตนและประสิทธิภาพในทุกแพลตฟอร์มที่สำคัญ"

 

ส่วนขยาย ExpressVPN สำหรับ Chrome นั้นไม่ยุ่งยากและใช้งานง่ายเหมือนกับตัวแอปพลิเคชั่น คุณสามารถปรับการตั้งค่าได้ เช่น การอำพรางตำแหน่งที่ตั้งของคุณและการบล็อก WebRTC และสำหรับผู้ที่ชอบท่องเว็บได้ภายในคลิกเดียวโดยไม่ต้องทำอะไรมาก ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับคุณมาก

 

คุณสามารถเลือกตั้งค่าแอป Windows ของคุณในส่วนขยายก็ได้ แต่การคลิกเปิดแอป Windows และเปลี่ยนการตั้งค่าในนั้นไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ความเร็วในส่วนขยาย อยู่ในระดับพอใช้ถึงปานกลางหรืออาจจะแย่กว่านั้นได้

 

แม้ผมจะบ่นงึมงำรำคาญอยู่บ้างเกี่ยวกับส่วนขยายที่เปิดแอปเพื่อเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า แต่สิ่งนี้ก็ช่วยเพิ่มพลังให้กับส่วนขยาย มันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกัน ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่กินทรัพยากรของระบบน้อยกว่าจริง ๆ

 

โดยรวมแล้ว ผมชอบส่วนขยายของ ExpressVPN เพราะบริษัทนี้ให้บริการ VPN แบบเต็มรูปแบบอยู่แล้ว ค่ายนี้สามารถเปิดโลกใบใหม่ให้กับผู้ใช้ผ่านเครือข่ายพิเศษที่มีเซิร์ฟเวอร์กว่า 2,000 แห่งทั่วโลกและได้รับการจัดอันดับสูงสุดในการทดสอบ VPN ของเรา

 

Express VPN extension

 

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย
  • มี HTTPS ทุกที่
  • ความเร็วเซิร์ฟเวอร์เหมาะสม

ข้อเสีย

  • การเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ช้า
  • การอัปโหลดช้า


 

 

3. Surfshark

https://surfshark.com/
Surfshark

ประสิทธิภาพโดยรวม

ดีมาก

คะแนนของเรา

Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5Rated 5 out of 5

ราคา

62 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,040
  • Multi-Hop
  • รองรับได้หลายแพลตฟอร์ม
  • ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน

"Surfshark ไม่ซับซ้อน ประสิทธิภาพไม่ตก เป็นคู่แข่งตัวจริงที่กำลังมาแรงในวงการ"

 

ส่วนขยาย Surfshark สำหรับ Chrome น่าใช้เหมือนกับ Windows และแอปมือถือของทางค่าย เร็วและตอบสนองต่อคำสั่งได้ดีมาก การเชื่อมต่อทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องจัดการกับการตั้งค่าหรืออะไรอย่างอื่นเลย

 

โดยปกติ เมื่อแกะออกจากกล่องก็ใช้งานได้เลย สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคือ คลิกเพื่อเปิดใช้งานและเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ การทดสอบความเร็วแสดงให้เห็นว่ามันทำงานได้ดีเหมือนกับแอปพลิเคชั่น Windows เต็มรูปแบบ

 

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยชอบส่วนขยายของ Chrome เลย ผมรู้สึกว่า มันเพิ่มภาระให้กับหน่วยความจำที่ทำงานหนักอยู่แล้ว แต่ส่วนขยายของ Surfshark สำหรับ Chrome กลับทำให้รู้สึกว่ามันใช่เลย แน่นอน คุณจะต้องมีบัญชีอยู่แล้วถึงใช้มันได้

 

surfshark speed test US

 

ข้อดี

  • ทำงานได้อย่างอิสระ
  • ค่อนข้างเบา
  • ความเร็วดี

ข้อเสีย

  • มีฟีเจอร์ที่จำกัด


 

 

ส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome ที่ฟรีเป็นอย่างไร

 

ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับผู้ให้บริการ VPN และผมจะพูดซ้ำอีกครั้งที่นี่ตอนนี้ว่า อย่าหลงกลกับอะไรที่ติดป้ายว่า “ฟรี” เพราะบริษัทที่ให้บริการฟรีจะต้องคิดหาทางทำเงินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

หากคุณรีบคว้าของ “ฟรี” คุณมักจะต้องแลกกับความเสี่ยงอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของข้อมูลส่วนตัวหรือการสูญเสียการควบคุมข้อมูลของคุณ บริการบางค่ายถึงกับหันไปใช้มัลแวร์หรือส่งคุณไปเว็บไซต์อื่นเพื่อหารายได้จากคุณ ลองพิจารณาคำเตือนนี้ดูนะครับ

 


ประสิทธิภาพโดยรวม

พอใช้

คะแนนของเรา

Rated 3 out of 5Rated 3 out of 5Rated 3 out of 5

ราคา

ฟรี

ฟีเจอร์หลัก

  • มีการเข้ารหัส AES 256 บิต
  • ใช้ได้กับอุปกรณ์หลายเครื่อง
  • เครือข่ายทั่วโลก
  • โหมดเฝ้าระวัง

"TunnelBear เป็นของ McAfee ซึ่งรับรองมาตรฐานความปลอดภัยได้ในตัวมันเอง
คุณจะรู้สึกปลอดภัยขณะที่ท่องเว็บโดยอำพรางตำแหน่งที่ตั้งของคุณ
"

 

โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ส่วนขยาย VPN ของ TunnelBear มีขั้นตอนการสมัครที่ยอดเยี่ยม เมื่อคุณติดตั้งส่วนขยายแล้ว คุณจะเข้าสู่หน้าลงชื่อเข้าใช้ที่คุณจะต้องลงทะเบียนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน

 

สิ่งที่เตะตาคือ บัญชีฟรีจะให้คุณรับส่งข้อมูลแบบที่มีการเข้ารหัสเพียง 500MB ต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งไม่มีทางจะพอเลยสำหรับคนส่วนใหญ่ เห็นได้ชัดว่าความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันมาก ขณะที่ความเร็วเซิร์ฟเวอร์สหรัฐค่อนข้างช้า เซิร์ฟเวอร์ในสิงคโปร์เร็วแบบสายฟ้าแล่บ!

 

Tunnelbear VPN extension

 

ข้อดี

  • การลงทะเบียนและการเชื่อมต่อที่ดี
  • ความเร็วที่ยอดเยี่ยมบนเซิร์ฟเวอร์บางตัว

ข้อเสีย

  • ความเร็วแตกต่างกันไปสำหรับเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละประเทศ
  • โควต้าฟรี 500MB ต่อเดือนไม่พอแม้กระทั่งจะใช้อีเมล


 

 


ประสิทธิภาพโดยรวม

ดี

คะแนนของเรา

Rated 3.5 out of 5Rated 3.5 out of 5Rated 3.5 out of 5

ราคา

ฟรี

ฟีเจอร์หลัก

  • เซิร์ฟเวอร์กว่า 2,000 ทั่วโลก
  • ใช้ได้กับอุปกรณ์หลายเครื่อง
  • การถ่ายโอนข้อมูลที่ไม่จำกัด
  • มีการแยกอุโมงค์

"PureVPN ให้บริการในหลายแพลตฟอร์มพร้อมปลั๊กอิน Chrome ของตัวเอง
คุณจะพบกับความสะดวกสบายขั้นสูงสุด"

 

จริง ๆ แล้ว PureVPN เป็นผู้ให้บริการ VPN เต็มรูปแบบซึ่งหมายความว่ามีแอปที่ใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเองและยังมี ส่วนขยาย PureVPN สำหรับ Chrome ฟรี ในความคิดของผม ส่วนขยายสำหรับ Chrome ฟรีนี้ก็ดีเท่าที่ของฟรีจะให้ได้

 

ประการแรก มันให้บริการไม่เปิดเผยตัวตนขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ใช้โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย สิ่งที่คุณต้องทำก็คือลงทะเบียนเปิดบัญชี อย่างไรก็ตาม บริการนี้มีข้อจำกัดบางประการที่ผมเห็นว่ายุติธรรมกับราคาที่คุณจ่าย (ซึ่งก็คือฟรี)

 

คุณจะไม่สามารถเลือกประเทศที่จะเชื่อมต่อได้ยกเว้น โรมาเนีย ออสเตรเลียและสวีเดน แอปที่จำกัดให้ใช้ได้เฉพาะคนในภูมิภาคที่กำหนด เช่น Netflix US, Hulu US หรือ iPlayer ของ BBC ส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้จนกว่าคุณจะสมัครใช้บัญชีพรีเมี่ยม

 

แต่อีกด้าน การท่องเว็บขั้นพื้นฐานทำงานได้ดีและมีการป้องกันการรั่วไหลของ WebRTC อันที่จริง ผมพบว่า การเรียกดูผ่านส่วนขยาย Chrome ของ PureVPN เร็วกว่าปกติทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบริการอื่น ๆ ที่ฟรีเหมือนกัน

 

PureVPN extension

 

ข้อดี

  • ความเร็วในการท่องเว็บที่รวดเร็ว
  • ไม่ระบุจำนวนแบนด์วิธ

ข้อเสีย

  • ใช้ได้สำหรับการท่องเว็บทั่วไป การใช้งานนอกเหนือจากนั้นเกือบทุกอย่างต้องมีการอัปเกรดเป็นแบบพรีเมี่ยม


 

 


ประสิทธิภาพโดยรวม

พอใช้

คะแนนของเรา

Rated 3 out of 5Rated 3 out of 5Rated 3 out of 5

ราคา

ฟรี

ฟีเจอร์หลัก

  • เชื่อมต่อได้ในคลิกเดียว
  • ใช้ได้กับอุปกรณ์หลายเครื่อง
  • ไม่บันทึกการใช้งาน
  • การป้องกัน 360°
  • ใช้ได้กับที่ตั้งมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก

"ใช้ ZenMate ร่วมกับปลั๊กอิน Chrome ยี่ห้อเดียวกัน เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เพลิดเพลินกับการเข้ารหัสระดับสูงสุด"

 

ZenMate ทำงานได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome ตัวอื่นที่มีอยู่ ความเร็วดี มีตัวเลือกมากมาย รวมถึงสิ่งที่ปกติแล้วคุณจะไม่ได้จากส่วนขยายแบบฟรี อย่างไรก็ตาม คุณใช้ฟรีได้แค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น

 

คุณจะเห็นได้ว่า ZenMate ใช้หลักการ “ล่อใจให้คนเข้ามา” ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณสมัครใช้งาน คุณจะได้ใช้บริการแบบพรีเมี่ยมโดยอัตโนมัติทันที หลังจากหนึ่งสัปดาห์ของการลองใช้ คุณจะต้องกลับไปใช้โมเดลฟรี

 

มันไม่ได้เลวร้ายแต่มันน่ารำคาญ แต่ไม่ว่าจะยังไง การเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์เรียกว่าแข็งแกร่งและเสถียรพร้อมด้วยความเร็วแรง ดังนั้น ผมจึงไม่มีอะไรจะบ่นมาก

 

ZenMate VPN extension

 

ข้อดี

  • เร็วและเสถียรมาก
  • แบนด์วิดธ์ไม่อั้น

ข้อเสีย

  • โฆษณาแบนเนอร์ที่น่ารำคาญในส่วนขยาย


 

 

ทำไมต้องมีส่วนขยาย VPN สำหรับ Google Chrome

 

Best VPN Extensions for Google Chrome

 

ขณะที่คุณอ่านข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ VPN พอมาถึงเรื่องของราคา ตาของคุณอาจจะถลนด้วยความตกใจเลยทีเดียว บางคนอาจจะแอบคิดว่า “แล้วถ้าฉันแค่ต้องการปกปิดตัวตนและรู้สึกปลอดภัยในขณะที่ใช้อินเทอร์เน็ตล่ะ”

 

นี่คือสิ่งที่ทำให้ปลั๊กอินหรือส่วนขยายของเบราว์เซอร์ VPN เข้ามามีบทบาท สำหรับบทความนี้ ขอพูดเกี่ยวกับส่วนขยาย VPN สำหรับ Google Chrome

 

ไม่ต้องสงสัยอะไรมาก Google Chrome ได้เอาชนะ Internet Explore (หรือ Edge ในปัจจุบัน) ของ Microsoft มานานแล้วและแซงหน้า Firefox ขึ้นมาเป็นเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน คุณเลือกเอาเลยว่าจะเชื่อสถิติของค่ายไหนเพราะตัวเลขต่างกัน แต่โดยรวม ๆ แล้ว ทุกค่ายระบุว่า ทุกวันนี้ Google Chrome ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ระหว่าง 59.69% ถึง 66.93%

 

ด้วยฐานผู้ใช้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักพัฒนาซอต์ฟแวร์จำนวนมากจะทุ่มเทความพยายามไปที่แพลตฟอร์มนี้ ผู้ให้บริการ VPN อันดับต้น ๆ เช่น ExpressVPN และ NordVPN มีส่วนขยาย VPN เฉพาะสำหรับ Chrome ที่ช่วยให้คุณสามารถท่องเว็บได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องเปิดเผยตัวตน

 

 

ส่วนขยายเบราว์เซอร์ VPN แตกต่างจาก Chrome แบบไม่ระบุตัวตน

 

Chrome ได้เคยเปิดตัวโหมดไม่ระบุตัวตนซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดแท็บและท่องเว็บได้โดยไม่มีการบันทึกประวัติ
การเรียกดู นั่นหมายความว่าในขณะที่คุณท่องเว็บ Chrome ก็จะตามลบประวัติการเรียกดูของคุณไปด้วยก่อนจะล้างคุกกี้ทั้งหมดที่สะสมมาระหว่างที่คุณท่องเว็บเมื่อคุณปิดหน้าจอหลังท่องเว็บเสร็จ

 

ทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่พื้น ๆ มากและไม่มีประสิทธิภาพ

 

ทำไมล่ะ ก็เพราะในช่วงของการเรียกดู ข้อมูลจะไม่ได้ถูกส่งผ่านแค่เบราว์เซอร์ของคุณ แต่มันต้องเคลื่อนผ่านเราเตอร์ของคุณ ระบบปฏิบัติการของคุณและอาจถูกบันทึกไว้ในเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม เหล่าผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งทั้งหลายยิ่งหลีกหนีเรื่องนี้ไม่พ้น

 

Chrome Incognito

 

ทั้งนี้ ที่อยู่ IP ของคุณยังคงเปิดให้คนเห็นได้อยู่ซึ่งหมายความว่าการแกะรอยกลับไปหาคุณย่อมทำได้เสมอ

 

 

ทำความเข้าใจในข้อจำกัดของส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome

 

ส่วนขยาย VPN มีความคล้ายคลึงกับแอป VPN จริง ๆ หลายอย่าง อันที่จริง บางอันเหมือนกันเสียจนดูเหมือน ให้ฟีเจอร์เดียวกับแอป VPN เลย ทั้งนี้ ส่วนขยาย VPN ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้คุณสะดวกสบายมากขึ้นและท่องเว็บได้ในแบบที่ต้องการมากขึ้นด้วย

 

สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรู้คือ ส่วนขยาย VPN เกือบทั้งหมดนั้นทำหน้าที่เป็นเพียงตัวแทนแอปจริง ซึ่งหมายความว่าส่วนขยายเหล่านี้จะมีผลกับการรับส่งข้อมูลผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่มีกรณียกเว้นเพียงสองอย่างคือ อุปกรณ์ที่ทำงานบน Chromes OS หรือส่วนขยายที่เชื่อมต่อกับแอปในเครื่องของผู้ใช้ (Native Messaging)

 

แต่ก็พอที่จะพูดได้ว่า ข้อยกเว้นเหล่านั้นแทบจะหาไม่ได้ ฉะนั้น ขอให้รับฟังเกี่ยวกับพลังของ VPNs ที่อิงเบราว์เซอร์แบบฟังหูไว้หูด้วยจะดีที่สุด

 

1. การรับส่งข้อมูลผ่าน Chrome เท่านั้นที่ปลอดภัย

 

แม้ว่าส่วนขยายของเบราว์เซอร์จะมีประโยชน์คล้ายกับซอฟต์แวร์ VPN แบบเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังมีความต่างหลัก ๆ ดังนั้น ส่วนขยาย VPN จึงมักจะถูกเรียกว่า พร็อกซี

 

ประโยชน์ที่คล้ายกับ VPN ของพร็อกซี่จะใช้ได้กับเบราว์เซอร์นั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ Chrome ฉะนั้น
แอปอื่น ๆ บนคอมพิวเตอร์ของคุณซึ่งใช้เครือข่ายเดียวกันจะมีการรับส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเช่นเดิม

 

กรณีเช่นนี้รวมไปถึงการใช้เบราว์เซอร์อื่น ๆ ที่คุณอาจจะใช้เป็นบางครั้งด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณมีส่วนขยายพร็อกซีสำหรับ Chrome และไปเรียกใช้ Microsoft Edge การรับส่งข้อมูลบน Edge จะไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยจากส่วนขยาย Chrome ของคุณ

 

ขณะที่ แอป VPN เต็มรูปแบบ เข้ารหัสการรับส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นในระบบทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าแอป VPN ของคุณจะปกป้องการรับส่งข้อมูลจากทุกส่วนของระบบของคุณ ไม่ว่าจะเบราว์เซอร์ แอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการเอง

 

2. การเข้ารหัสที่จำกัด

 

ผมขอเริ่มต้นด้วยการพูดอย่างกว้าง ๆ ว่า พร็อกซี่ส่วนใหญ่ทุกวันนี้ (ไม่ใช่แค่พร็อกซี VPN) ใช้โปรโตคอล SOCKS และ HTTP/HTTPS เท่านั้น

 

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับส่วนขยายของเบราว์เซอร์ในแง่ที่ว่า เมื่อใช้ SOCKS และ HTTP จะไม่มีการเข้ารหัสใด ๆ ทั้งสิ้นแต่ถ้าคุณใช้ส่วนขยาย VPN ที่ใช้โปรโตคอล HTTPS นั่นก็เป็นการเข้ารหัสระดับ SSL โดยทั่วไป

 

นี่เป็นสิ่งที่ควรพึงระลึกไว้เสมอสำหรับพร็อกซี VPN ฟรี 100% ผมสังเกตว่า แม้แต่บริการส่วนขยาย VPN ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ก็ไม่ใช่ว่าเซิร์ฟเวอร์ของทุกประเทศจะใช้โปรโตคอล HTTPS

 

3. การช่วยเหลือดูแลลูกค้าไม่เต็มที่

 

น่าเสียดายที่เรื่องนี้เป็นเหมือนกันหมดทุกค่าย เว้นแต่คุณจะใช้พร็อกซีที่เป็นส่วนขยายของผู้ให้บริการ VPN เต็มรูปแบบ เช่น ExpressVPN หรือ TorGuard ผู้ใช้ส่วนขยาย VPN ฟรีส่วนใหญ่ต้องอาศัยการอ่านจากหน้าคำถามที่พบบ่อย การช่วยเหลือกันเองภายในชุมชนผู้ใช้หรือการช่วยเหลือผ่านทางอีเมล (ถ้าคุณโชคดี)

 

คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะคลำทางแก้ปัญหาต่าง ๆ เอง

 

 

ประโยชน์ของการใช้ส่วนขยาย VPN

 

แม้ว่าพร็อกซี่จะมีความแตกต่างจากบริการแบบเต็มรูปแบบ แต่มันก็มีลักษณะการใช้เฉพาะในบางสถานการณ์

 

  1. การใช้ในกรณีพิเศษเนื่องจากการทำงานที่จำกัดมากกว่า พร็อกซีจึงมักจะใช้งานทรัพยากรของระบบน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังใช้ Chromebook คุณอาจจะ ก.) ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัวเลือกนี้ และ ข.) จำเป็นต้องพยายามประหยัดทรัพยากรระบบ
  2. การควบคุมความเสี่ยงแบบพิเศษมีข้อถกเถียงกันว่า อินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์เป็นเป้าหมายหนึ่งที่พวกจารกรรมข้อมูลพุ่งเป้าไปมากที่สุด เบราว์เซอร์ทั้งหลายมีแนวโน้มที่จะพบกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ต่างกันแค่ว่าเสี่ยงมากน้อยเท่าไหร่ หากคุณไม่ต้องการใช้ VPN ชนิดเต็มรูปแบบเพราะกังวลเรื่องการใช้ทรัพยากรระบบ คุณสามารถปกป้องข้อมูลรวมถึงปกปิดตัวตนด้วยการใช้ส่วนขยาย VPN แทนได้
  3. การบล็อกโฆษณาส่วนขยาย VPN บางแห่งมาพร้อมกับบริการอื่น ๆ เช่น การบล็อกโฆษณา การป้องกันการถูกติดตามหรือการจัดการคุกกี้ วิธีนี้จะช่วยกำจัดขยะออกจากเน็ตก่อนที่จะไปถึงคุณ แต่อาจจะส่งผลทำให้หน้าเว็บดูแปลก ๆ (เป็นบางครั้ง)
  4. การป้องกันการรั่วไหลของ WebRTCทั้ง Firefox และ Chrome ต่างเปราะบางด้านความปลอดภัยที่อาจส่งผลให้ที่อยู่ IP ของคุณรั่วไหลออกมา แน่นอนว่าเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้แอป VPN แบบเต็มรูปแบบแต่ผู้ให้บริการส่วนขยาย VPN บางรายได้ติดตั้งระบบการป้องกันการรั่วไหลของ WebRTC ไว้ในส่วนขยายด้วย

 

 

เราจะเลือก VPN สำหรับ Chrome ยังไงดี

 

แม้ว่าส่วนขยายของ VPN สำหรับ Chrome เป็นพร็อกซีเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ผมรู้สึกว่า หากพร็อกซี่เหล่านี้ยังยึดตามหลักการที่เป็นหัวใจของ VPN ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขอย้ำว่า ส่วนใหญ่นะครับ หลักการสำคัญยังคงเหมือนเดิมคือ ความเป็นส่วนตัว, ความปลอดภัยและความเร็ว

 

หากคุณไม่มั่นใจว่า คุณจะเลือกถูกและส่วนขยาย VPN รายเก่า ๆ จะเชื่อถือได้ ผมขอแชร์สิ่งที่ได้เจอมากับตัวเองเมื่อวันก่อน นั่นคือ Hoxx VPN หรือผู้ให้บริการที่ดูทะแม่ง ๆ นั่นเอง ขณะที่ผมอ่านเอกสารของค่ายนี้ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ใครหน้าไหนจะลงทะเบียนใช้บริการ ต่อให้เป็นบัญชีแบบใช้ฟรีก็ตาม

 

hoxx privacy policy

 

ผู้ให้บริการ VPN รายนี้เก็บรวบรวมข้อมูลล็อกอิน บล็อกพอร์ต SMTP รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลอุปกรณ์ใช้เทคโนโลยีการติดตามแกะรอย พร้อมกับระบุว่าผู้ใช้ต้องยินยอมให้แชร์ข้อมูลกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหรือรัฐบาล….และอะไรอีกยาวเหยียด

ถ้าหากคุณรู้สึกตกใจเหมือนผมล่ะก็ แสดงว่าคุณเข้าใจแล้วว่า การเลือกบริการ VPN สำคัญแค่ไหน ฉะนั้น เรามาดูรายชื่อของส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome ชั้นนำกันดีกว่า

 

 

ข้อสรุป: เราควรใช้ส่วนขยาย VPN หรือไม่

 

สุดท้ายนี้ ผมรู้สึกว่า จะต้องเน้นอีกครั้งถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างแอป VPN และส่วนขยาย VPN สำหรับ Chrome (หรือจริง ๆ แล้วก็รวมไปถึงส่วนขยาย VPN สำหรับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ด้วย) แอป VPN รักษาความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลเครือข่ายทั้งหมดจากอุปกรณ์ของคุณ แต่ส่วนขยายเบราว์เซอร์จะป้องกันการรับส่งข้อมูลที่ผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น

เนื่องจากอุปกรณ์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันรวมถึงแล็ปท็อป สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมักจะมีแอปจำนวนมากที่ถูกติดตั้งไว้โดยที่รับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเดียวกัน ฉะนั้น การปกป้องข้อมูลเฉพาะที่รับส่งผ่านเบราว์เซอร์ของคุณจึงไม่เพียงพอ

 

มีสองประเด็นสำคัญที่ผมต้องการฝากให้คุณพิจารณา :

 

  1. เพื่อปกป้องข้อมูลทั้งหมดที่รับส่งบนเครือข่ายของคุณให้ได้ครบถ้วน คุณต้องมีแอป VPN
  2. การใช้ปลั๊กอินหรือส่วนขยายเบราว์เซอร์ฟรีหมายความว่า คุณมีโอกาสที่จะเสียความเป็นส่วนตัวของคุณไป

 

หากคุณแค่ต้องการท่องอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ส่วนขยายเบราว์เซอร์ Chrome อาจจะเหมาะกับคุณ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้งานส่วนขยาย VPN ที่ดีที่สุด นั่นจะมาพร้อมค่าใช้จ่ายในการสมัคร ซึ่งผมขอแนะนำให้คุณติดตั้งแอป VPN ชนิดเต็มรูปแบบไปเลยดีกว่า