เนื้อหาของ Bitcatcha เกิดจากการสนับสนุนของผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากพันธมิตร เรียนรู้เพิ่มเติม

9 แพลตฟอร์มโฮสติ้ง WordPress ที่มีการจัดการที่ดีที่สุดประจำปี 2023 (อันดับ!)

เขียนโดย
Daren Low
อัปเดตแล้ว
December 11, 2023

 

การใช้เว็บโฮสติ้งแบบที่มีบริการจัดการทางเทคนิคสำหรับ WordPress หรือ Managed WordPress hosting ก็คล้าย ๆ กับการมีฝ่ายเทคนิคส่วนตัวคอยช่วยเหลือ

 

บริการรูปแบบนี้เป็นโซลูชันโฮสติ้งที่จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ (และผ่านการเสริมประสิทธิภาพอย่างเต็มพิกัด) สำหรับเว็บไซต์ WordPress และเป็นการเลื่อนขั้นขึ้นมาจากการใช้ ‘โฮสติ้งแบบแชร์’ ที่มีราคาถูกกว่า

 

สิ่งที่ดีที่สุดของโฮสติ้งประเภทนี้คืออะไร คำตอบคือ ผู้ให้บริการจะคอยดูแลในส่วนของเทคนิคอยู่เบื้องหลัง คุณจึงสามารถจดจ่อกับการพัฒนาเว็บไซต์ให้เจริญเติบโตขึ้นไปได้อย่างเต็มที่

 

9 โฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress ค่ายที่ดีที่สุด

 

  1. Siteground
  2. A2 Hosting
  3. Kinsta
  4. Inmotion Hosting
  5. Liquid Web
  6. WP Engine
  7. Cloudways
  8. Media Temple

 

โฮสติ้งที่มีบริการจัดการด้านเทคนิคด้วยจะคอยปรับให้เว็บไซต์ของคุณอัปเดตเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ดังนั้น เว็บไซต์จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและรวดเร็วราวสายฟ้าแล่บ เว็บไซต์จะสำรองข้อมูลทุกอย่างเองโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งทำการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอยู่อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นเกราะป้องกันเหล่านักจารกรรมข้อมูลเป็นอย่างดี

 

โฮสต์จะคอยจัดการเว็บไซต์ของคุณอยู่เบื้องหลังและรักษาสมรรถนะให้สูงอย่างสม่ำเสมอ บริการเช่นนี้ตอบโจทย์อย่างลงตัวหากคุณอยากได้ผลลัพธ์แบบดีงามทุกกระเบียดนิ้ว แต่ไม่มีเวลาที่จะมานั่งดูแลการปรับเปลี่ยนทางด้านเทคนิคต่าง ๆ และบริหารจัดการ ‘กลไกที่ซับซ้อน’

 

หมายเหตุเรื่องความเร็ว

เราได้จัดอันดับความเร็วโฮสต์ทุกค่ายด้วย เครื่องทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ ที่ไม่เหมือนใครของ Bitcatcha ระบบจะทำการบันทึกเวลาการตอบสนองจากแปดสถานที่ทั่วโลกพร้อมคำนวณค่าเฉลี่ย คะแนนที่อยู่ต่ำกว่า 180 มิลลิวินาทีจะจัดว่าเป็นเกรด “A+” และคะแนนตั้งแต่ 181 มิลลิวินาที ถึง 210 มิลลิวินาทีจะจัดว่าเป็นเกรด “A”

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A+

ราคา

122 บาท /เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • มี cPanel & SSH
  • บริการ CloudFlare CDN
  • การสำรองข้อมูลรายวันฟรี
  • มี git และพื้นที่ staging
  • มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 3 ทวีป

"ดีที่สุดสำหรับมือใหม่และเว็บมาสเตอร์ที่มีงบประมาณจำกัด"

 

แพ็กเกจขั้นต้นของ SiteGround ราคาถูกกว่าทุกค่าย (122 บาทต่อเดือน!) และมาพร้อมการอัปเดตอัตโนมัติและการสำรองข้อมูลรายวัน เหมาะมากสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นแต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะอยากได้แพ็กเกจ ‘GoGeek’ (ซึ่งมีราคาจับต้องได้อยู่ที่ 460 บาท)

 

ด้วยแพ็กเกจ GoGeek คุณจะได้รับพื้นที่พักข้อมูล (staging area) ด้วยคลิกเดียว พร้อม Git สำหรับ WordPress ที่ติดตั้งมาให้พร้อมแล้ว คุณยังจะได้ใช้บริการจากฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าในระดับพรีเมียมและโปรแกรม SuperCacher ของโฮสต์รายนี้ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วแรงในการโหลดให้คุณได้

 

SiteGround อ้างว่า สำหรับการใช้บริการฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าผ่านทางแชทและโทรศัพท์นั้น ‘คุณแทบจะไม่ถูกปล่อยให้รอเลย’ และหากคุณใช้ระบบบัตรคิวในการส่งคำถาม คุณจะได้รับการตอบรับกลับมาภายใน 10 นาทีเท่านั้น เราพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นความจริง

 

SiteGround มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • แพ็กเกจระดับเริ่มต้นมีข้อจำกัดมากกว่าคู่แข่ง แต่ราคาที่ถูกก็พอจะบอกได้อยู่แล้ว
  • มันไม่ใช่โฮสติ้งที่ช่วยบริหารจัดการทางเทคนิค WordPress ชนิดเต็มรูปแบบ แต่ฟีเจอร์ที่โฮสต์นี้มีให้ค่อนข้างเหมือนกับโฮสติ้งรายอื่นที่บริหารจัดการให้เต็มรูปแบบ

 

หมายเหตุ

เราติดตามดู SiteGround อย่างใกล้ชิดมาตลอดเพราะเราใช้บริการโฮสติ้งค่ายนี้ ลองเข้าไปอ่าน รีวิว SiteGround หากคุณต้องการทราบอะไรเกี่ยวกับโฮสต์รายนี้ (เช่น เว็บไซต์ที่เราใช้ในการทดสอบ การทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ เงื่อนไข เป็นต้น)

 

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A+

ราคา

371บาท /เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • มี SSD ไม่จำกัด
  • มีแบนด์วิดธ์ไม่จำกัด
  • A2 เสริมประสิทธิภาพสำหรับ WP
  • เซิร์ฟเวอร์ Turbo
  • โหลดเร็วขึ้น 6 เท่า

"เว็บโฮสต์ดีรอบด้าน เหมาะแก่เว็บไซต์ทุกรูปแบบ"

 

โฮสต์ร้อนแรงที่มาเป็นอันดับสองคือ A2 โฮสติ้งแบบที่ช่วยจัดการ WordPress ซึ่งมีค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ 371 บาทต่อเดือน ผู้ใช้บริการ A2 โฮสติ้งแบบที่ช่วยจัดการ WordPress ทั้งหมดจะได้รับ SSD แบบไม่จำกัด แบนด์วิดธ์ไม่จำกัด เซิร์ฟเวอร์ Turbo และ WordPress ที่ผ่านการเสริมประสิทธิภาพในแบบฉบับของ A2

 

หากคุณไม่คุ้นกับ A2 เท่าไหร่นัก เราจะบอกให้ว่า เซิร์ฟเวอร์ Turbo ของค่ายนี้สามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่าเซิร์ฟเวอร์ธรรมดาถึง 20 เท่า และ WordPress ที่ผ่านการเสริมประสิทธิภาพในแบบฉบับของ A2 จะคอยปรับแต่งให้เว็บไซต์มีความเร็วมากที่สุดโดยอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลามานั่งปรับเปลี่ยนอะไร

 

โฮสต์รายนี้รวมของแถมที่มีให้ตามปกติทั้งหมดเข้าไปในแพ็กเกจด้วย เช่น พื้นที่ staging ของเว็บไซต์ การย้ายเว็บไซต์ฟรี เครือข่ายการส่งข้อมูล (CDN) SSL และ SSD ฟรี

 

หากคุณคิดที่จะโฮสต์เว็บไซต์มากกว่าหนึ่งเว็บ คุณควรใช้งานแพ็กเกจแบบรับฝากเว็บได้ 3 เว็บ หรือแบบรับฝากได้ไม่อั้นจะดีที่สุด ทั้งนี้ แพ็กเกจเริ่มต้นของค่ายนี้มีค่าบริการเพียง 371 บาทต่อเดือน แต่คุณจะฝากได้เพียงเว็บไซต์เดียวเท่านั้น

 

A2 Hosting มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • ฝ่ายช่วยเหลือดูแลผ่านแชตสดเป็นทีมที่มีประสบการณ์และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน แต่ก็ใช้เวลากว่าจะติดต่อได้
  • แพ็กเกจเริ่มต้นให้คุณสามารถโฮสต์แค่เพียงหนึ่งเว็บไซต์เท่านั้น จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเติมหากต้องการโฮสต์มากกว่าหนึ่งเว็บไซต์

 

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A+

ราคา

930 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • ดำเนินการบน Google Cloud
  • การเยี่ยมชม 20,000 ครั้ง/เดือน
  • สำรองข้อมูลรายวัน
  • มีผู้เชี่ยวชาญ WordPress คอยให้การสนับสนุนลูกค้า
  • รับประกันซ่อมแซมจากกรณีถูกจารกรรมข้อมูล

"สมบูรณ์แบบสำหรับธุุรกิจขนาดค่อนข้างใหญ่และองค์กรขนาดใหญ่"

 

จุดขายหลักของ Kinsta คือ การให้บริการบน Google Cloud ซึ่งทางบริษัทประกาศว่า เป็นจุดที่ทำให้มีความเร็วมากกว่าคู่แข่ง

 

Kinsta มีคะแนนอยู่ระดับเกรด A และมีการตอบสนองอย่างเร็วมากทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ค่ายนี้ยังเป็นโฮสต์ที่ Ubisoft และ Asos เลือกใช้อีกด้วย ฉะนั้น โฮสต์ค่ายนี้จึงเข้าใจลูกค้าที่มีความต้องการอันหลากหลาย

 

แพ็กเกจขนาดเล็กที่สุดของค่ายนี้ราคา 930 บาทจากปกติ 3,100 – อัปเดตเมื่อเดือนมกราคม 2018 ดังนั้น Kinsta จึงเป็นตัวเลือกสำหรับธุรกิจและเว็บไซต์ขนาดใหญ่เท่านั้นจริง ๆ

 

แต่ถ้าหากคุณต้องการพลังมากขนาดนั้น Kinsta มีมอบให้คุณเป็นกอบเป็นกำเหลือเฟือเลยทีเดียว บริการนี้จะตรวจเช็คเว็บไซต์ของคุณในทุก ๆ หนึ่งนาทีเพื่อความปลอดภัยและคอยให้การสนับสนุน คุณสามารถเลือกใช้เครือข่ายการส่งข้อมูลหรือ CDN ของคุณเอง รวมถึงเครื่องมือเจ๋ง ๆ ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ (เช่น แดชบอร์ดเฉพาะคุณที่สวยงามและใช้งานง่ายแบบไม่ต้องคิดเลย)

 

ในด้านการช่วยเหลือดูแลลูกค้า ระยะเวลารอการตอบกลับตามระบบจัดคิวคำถามของ Kinsta เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 9 นาที – แต่ช่วง 90 วันที่ผ่านมานี้ ระยะเวลาที่ต้องรอได้ลดลงเหลือ 2 นาที ซึ่งรู้สึกดีมากที่ได้รู้ว่ามีการปรับปรุงในส่วนนี้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม เชิญเข้าไปอ่าน รีวิว Kinsta แบบเชิงลึก ของเรา

 

Kinsta มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • ตอนนี้ แพ็กเกจขนาดเล็กที่สุดของ Kinsta เริ่มจาก 930 บาทต่อเดือน จากราคาเดิม 3,100 บาทต่อเดือน
  • ไม่มีโฮสติ้งอีเมล Kinsta แนะนำ G Suite สำหรับโฮสติ้งอีเมล (155 บาท / เดือนสำหรับแพ็กเกจ Basic)

 

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A+

ราคา

155 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • พื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD 40 GB
  • ย้ายบัญชีฟรี
  • รองรับ PHP7
  • คืนเงินภายใน 90 วัน
  • ไม่จำกัดปลั๊กอิน

"ดีที่สุดสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง"

 

ด้วยแพ็กเกจ WP1000-S ของ Inmotion Hosting คุณจะไม่ได้พบกับฟีเจอร์อย่าง GIT แต่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับฟีเจอร์พิเศษอย่าง BoldGrid และการไม่มีข้อจำกัดเรื่องปลั๊กอิน อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ Inmotion ยืนเด่นเหนือคู่แข่งก็คือ โปรแกรมอันหลากหลายที่แสนสุดยอดของพวกเขานั่นเอง

 

คุณจะได้ทันใจไปกับความเร็วที่มีมากกว่าโฮสติ้งแบบแชร์ธรรมดาถึง 10 เท่า ด้วยการผสมผสานของ SSD, NGINX และเซิร์ฟเวอร์แคชชิ่งขั้นสูงเพื่อเพิ่มความเร็วโดยเฉพาะ !

 

ยิ่งไปกว่านั้น Inmotion ยังรับประกันการคืนเงินภายใน 90 วันด้วย

 

ด้วยราคา 155 บาทต่อเดือน (ลด 37% – ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้อ่าน Bitcatcha เท่านั้น) ทำให้แพ็กเกจนี้เป็นหนึ่งในแพ็กเกจที่คุ้มค่าเงินมากที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและบล็อกเกอร์ !

 

Inmotion Hosting มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • ไม่มี git พื้นที่ความเร็วสูงสุดนั้นมีอยู่แต่ค่อนข้างล้าสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับการมีศูนย์ข้อมูลแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาค
  • ขั้นตอนการเลิกใช้บริการอาจจะน่าปวดหัวอยู่บ้าง

 

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A+

ราคา

2,139 บาท /เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • ทีมงานช่วยเหลือดูแลลูกค้ามากถึง 600 คน
  • ไม่มีข้อจำกัดเรื่อง plugin
  • บีบอัดรูปภาพอัตโนมัติ
  • เครื่องมือบริหารจัดการเว็บไซต์
  • เข้าใช้เซิร์ฟเวอร์ได้เต็มที่

"ตัวเลือกสำหรับ WordPress โฮสติ้งระดับองค์กรขนาดใหญ่"

 

เป็นหนึ่งในโฮสต์ระดับพรีเมียม แต่ป้ายราคาที่หนักอึ้งของค่ายนี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนใคร

 

ค่ายนี้เป็นหนึ่งในโฮสต์ที่มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในวงการ (หรืออาจจะใหญ่เป็นอันดับหนึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ) โดยมี พนักงานฝ่ายสนับสนุนมากกว่า 600 คน เพื่อคอยดูแลให้บริการอยู่ตลอดเวลา

 

คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ด้านจำนวนการเข้าชมเพจแบบไม่อั้นซึ่งอยู่ในทุกแพ็กเกจของค่ายนี้ แต่แพ็กเกจ Personal ซึ่งเป็นแพ็กเกจระดับเริ่มต้นจะจำกัดคุณให้ฝากได้แค่เว็บไซต์เดียวเท่านั้น

 

เครื่องมือบีบอัดภาพอัตโนมัติของค่ายนี้ทำงานเพื่อรักษาให้เว็บไซต์ของคุณเบาและมีความรวดเร็วได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะที่เครื่องมือซึ่งค่ายนี้พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยการเข้าใช้ SSL Git และ WP-CII

 

เราแนะนำ Liquid Web สำหรับองค์กรที่ค่อนข้างขนาดใหญ่

 

Liquid Web มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • ไม่มีโฮสติ้งอีเมล คุณจะต้องใช้โฮสติ้งอีเมลอื่นแยกต่างหาก
  • ราคาแพง แพ็กเกจระดับเริ่มต้นของค่ายนี้ราคา 2,139 บาทต่อเดือน (หากใช้ลิงก์ของเรา คุณจะจ่ายแค่ 1,070 บาทสำหรับสองเดือนแรก)
  • แพ็กเกจเริ่มต้นให้ฝากเว็บไซต์ได้เพียงเว็บเดียวเท่านั้น ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อใช้แพ็กเกจอื่นหากต้องการฝากมากกว่าหนึ่งเว็บไซต์

 

 

6. WP Engine

https://wpengine.com
WP Engine

ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A

ราคา

589 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • บริการจัดการทางเทคนิคอย่างเต็มรูปแบบ
  • ปรับแต่งด้วยมืออาชีพ
  • สำรองข้อมูลรายวัน
  • สแกนมัลแวร์
  • ไฟร์วอล CDN พร้อมใช้

"เป็นหนึ่งในโฮสต์ที่ครบเครื่องมากที่สุด"


 

WP Engine อาจจะเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดในหมู่ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งแบบช่วยบริหารจัดการทางเทคนิคสำหรับ WordPress ค่ายนี้เป็นหนึ่งในโฮสต์แรก ๆ ที่มีบริการช่วยจัดการ WordPress ปัจจุบัน ค่ายนี้ให้บริการเว็บโฮสติ้งกับ Cancer Research, Rightmove, HTC และ ลูกค้าชื่อดังรายอื่น ๆ อีกมากมาย

 

แพ็กเกจระดับเริ่มต้นของค่ายนี้ชื่อว่า ‘Personal’ และมีสิทธิประโยชน์มากมาย โดยให้สภาพแวดล้อมแบบ staging การสำรองข้อมูลด้วยคลิกเดียวและการย้ายเว็บไซต์ฟรี ตอบโจทย์เว็บไซต์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากถึง 25,000 รายต่อเดือน แต่คุณจะต้องอัปเกรดเพื่อปลดล็อกทรัพยากรอื่น ๆ เพิ่มเติมรวมถึงบริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันด้วย

 

WP Engine ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์อยู่แถบฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น หากผู้ชมเว็บของคุณอยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาก็จะได้พบกับความเร็วอย่างไร้ที่ติ ผมยังชอบที่มีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วันด้วย หากคุณลองใช้แล้วไม่ถูกใจ ก็แค่ยกเลิกเท่านั้นเอง

 

WP Engine มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • มีราคาแพงกว่าคู่แข่งค่ายอื่น ๆ (ข้อเสนอพิเศษ ! ลด 20% สำหรับใบเรียกเก็บเงินรอบแรก – เริ่มตั้งแต่ 599 บาท /เดือน) แต่โฮสต์ค่ายนี้ก็มีบริการที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงการให้บริการที่ดีมอบให้
  • WP Engine ได้กำหนดรายชื่อปลั๊กอินต้องห้าม ซึ่งคุณควรตรวจดูก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการ
  • มีฝ่ายสนับสนุนให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันสำหรับลูกค้าระดับพรีเมียมเท่านั้น

 

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A

ราคา

465 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • โฮสติ้งในระบบคลาวด์
  • ฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าตอบกลับรวดเร็ว
  • CloudwaysBot
  • รองรับการเติบโต
  • ไม่มีสัญญาผูกมัด

"คลาวด์โฮสติ้งที่มาพร้อมการบริหารจัดการทางเทคนิคสำหรับทุกคน"

 

Cloudways เป็นผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งในระบบคลาวด์แบบที่ช่วยบริหารจัดการด้านเทคนิครายหนึ่่ง คุณสามารถเลือกที่จะใช้ WordPress ผ่านทาง Cloudways บนเครื่อข่ายคลาวด์ที่คุณต้องการ เช่น AWS, Digital Ocean, และ Linode คลาวด์โฮสติ้งนั้นมีพลังและน่าเชื่อถือมากกว่าบริการแบบ VPS ทั่วไป

 

ในส่วนของฟีเจอร์ บริการของ Couldways มาพร้อมทีมช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและย้ายเว็บไซต์ฟรีสำหรับทุกแพ็กเกจ ตัวเลือกขั้นสูงมาพร้อม GIT, เว็บไซต์จำลอง และบริการจัดการสำรองข้อมูล อีกทั้งยังมีแผงควบคุมที่ใช้งานง่ายแบบไม่ต้องคิดและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ด้วยซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่คลาวด์โฮสติ้งหลายรายไม่มี

 

Cloudways มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • คลาวด์โฮสติ้งอาจจะค่อนข้างต้องอาศัยความสามารถเชิงเทคนิค แต่แผงควบคุมที่ใช้งานง่ายมาก ๆ ก็เข้ามาช่วยทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น
  • Cloudways ให้บริการโดยอาศัยระบบของคลาวด์โฮสติ้งรายอื่น ๆ ทำให้ค่ายนี้ควบคุมฮาร์ดแวร์น้อย

 

 

8. Media Temple

https://mediatemple.net/
Media Temple

ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

B

ราคา

620 บาท/เดือน

ฟีเจอร์หลัก

  • โอนย้ายไฟล์ได้ 1TB/เดือน
  • ฐานข้อมูล SSD
  • พร้อมใช้กับ Reddit™
  • CloudFlare พร้อม Railgun
  • มีฝ่ายสนับสนุนแบบไลฟ์ให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกวัน

"สุดยอดสำหรับผู้เริ่มต้นและธุรกิจขนาดกลาง"

 

แพ็กเกจเริ่มต้นของ Media Temple อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างจุใจ ด้วยราคา 620 บาทต่อเดือน คุณจะสามารถย้ายเว็บไซต์ฟรี สำรองและกู้คืนข้อมูลได้ใน 30 วัน ฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ได้ staging และ cloning พร้อมรองรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ 400,000 รายต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิค คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับตัวเลือกต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น Git และ การเข้าใช้ SSH

 

นอกจากนี้ ‘Studio’ และ ‘Agency’ ซึ่งเป็นแพ็กเกจขั้นสูงขึ้นไปก็ยังมีระบบตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และพร้อมรองรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวนมาก ความเร็วก็อยู่ในระดับบนจากผลการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของเรา โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก

 

Media Temple ยังมีเมนูธีมพิเศษให้คุณอีกด้วย คุณจึงสามารถออกแบบและพัฒนาเว็บได้ภายในที่เดียว

 

Media Temple มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • มีรายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจำนวนมากเกี่ยวกับการทำงานที่แย่ของฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้า

 

 

ตัวเลือกที่ราคาถูกกว่า

 

โฮสต์ที่ช่วยจัดการ WordPress เต็มรูปแบบไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่และเว็บไซต์ขนาดเล็ก ในกรณีนี้ ตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่าก็ถือว่าเพียงพอมากแล้ว

 

ถ้าฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ล่ะก็ เรามีตัวเลือกแถมมาให้คุณได้ลองพิจารณา

 


ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

100%

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์

A

ราคา

ฟีเจอร์หลัก

  • Linux & cPanel
  • มีทรัพยากรให้ใช้งานไม่จำกัด
  • สำรองข้อมูลให้อัตโนมัติ
  • มีการปกป้องทรัพยากร
  • มีบริการ CloudFlare CDN

"เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กและมือใหม่"

 

Bluehost เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีต่อเงินในกระเป๋ามากที่สุด

 

ความเร็วสม่ำเสมอไม่มีตกทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาแถมยังมีความเสถียรในที่อื่น ๆ ของโลกด้วย บริการมีความปลอดภัยและรักษามาตรฐานการให้บริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน Bluehost รองรับ Cloudflare ไม่เหมือนกับ Inmotion Hosting ที่ ไม่มี CDN รวมมาให้.

 

ที่สำคัญ WordPress.org ยังแนะนำให้คนใช้ Bluehost มาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว!

 

Bluehost มีข้อเสียอะไรบ้าง

 

  • ไม่สามารถย้ายเว็บได้แบบฟรี ๆ
  • มีรายงานอยู่บ้างเรื่องการโหลดช้าและการตอบกลับของฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่เชื่องช้า

 

 

ทำไมฉันถึงต้องใช้โฮสติ้งช่วยจัดการ WordPress โดยเฉพาะ

 

ประโยชน์ของการจัดการโฮสติ้ง WordPress

 

เจ้าของเว็บไซต์หลายรายต่างสงสัยว่า เว็บโฮสติ้งที่ช่วยจัดการทางเทคนิคต่าง ๆ ด้วยจะคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า หากคุณมีแผนจะทำอะไรเยอะแยะกับเว็บไซต์ ก็ถือว่าความคิดนี้เข้าท่าเลยทีเดียว ตอนนี้ เรามาดูข้อดีต่าง ๆ ในรายละเอียดกันครับ

 

1. เสริมประสิทธิภาพสำหรับ WordPress โดยเฉพาะ

 

เซิร์ฟเวอร์จะได้รับการปรับค่าอย่างละเอียดและเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับ WordPress ที่สุด บริการเฉพาะทางจะดีกว่าบริการแบบธรรมดาทั่วไป

 

2. มีการอัปเดตอัตโนมัติ

 

ซอฟต์แวร์เบื้องหลังเว็บไซต์ของคุณจะอัปเดตไปใช้รุ่นล่าสุดโดยอัตโนมัติ ดังนั้น เว็บไซต์จะคงประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูงสุดอยู่เสมอ คุณไม่จำเป็นต้องตรวจสอบและติดตั้งการอัปเดตเอง

 

3. การรักษาความปลอดภัยแบบเกราะกันกระสุน

 

ความปลอดภัยเรียกได้ว่าเป็นสิ่งจูงใจที่มีน้ำหนักที่สุดสำหรับการอัปเกรดมาใช้บริการเว็บโฮสติ้ง แบบที่ช่วยบริหารจัดการ WordPress ในด้านเทคนิค ระบบอัปเดตอัตโนมัติและสภาพแวดล้อมแบบเฉพาะตัว จะช่วยปกป้องเว็บไซต์จาก นักจารกรรมข้อมูล และปัญหาทางด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ได้ดีกว่า ก็อย่างที่คุณทราบ แพลตฟอร์มโฮสติ้งส่วนใหญ่ที่ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอจะกำจัดมัลแวร์ออกไปได้

 

4. มีความเร็วสุดยอด

 

เว็บไซต์ที่โหลดช้าจะส่งผลลบต่อยอดขาย โอกาสในการได้ลูกค้าเพิ่ม และความรู้สึกของผู้ใช้งานเว็บไซต์ แต่ การทำให้เว็บเร็วขึ้น ด้วยตัวเองก็ต้องอาศัยความพยายามและทักษะมากเลยทีเดียว เว็บโฮสติ้งชั้นเยี่ยมจะใช้แคชชิ่งแบบฝังในตัวและ (มักจะ) ใช้เครือข่ายการส่งข้อมูลหรือ CDN เพื่อเพิ่มพลังความเร็วแรงให้กับเว็บไซต์ของคุณโดยอัตโนมัติ

 

5. การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ

 

ปกติ แพลตฟอร์มโฮสติ้งที่ให้บริการจัดการ WordPress ในเชิงเทคนิคมักจะมีบริการสำรองข้อมูลรายวัน คุณจึงนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายโดยไม่ต้องคอยกังวลว่า เว็บไซต์จะสูญเสียข้อมูลอะไรไปเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันชนิดที่เลวร้ายสุด ๆ !

 

6. มีฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้า 24 ชั่วโมงทุกวัน

 

มันดีต่อใจเสมอที่รู้ว่า มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการเราทางโทรศัพท์หากวันหนึ่งคุณต้องขอความช่วยเหลือเรื่องรหัสผิดพลาด โดยปกติแล้ว แพ็กเกจโฮสติ้งแบบที่ให้บริการจัดการทางเทคนิคจะมีบริการให้ความช่วยเหลือแบบพรีเมียมด้วย ฉะนั้น คุณสามารถลัดคิวและขอคุยกับผู้พัฒนาแพลตฟอร์มโดยตรงได้เลย

 

7. ยืดหยุ่นและพร้อมรองรับจำนวนผู้เข้าชมเว็บที่สูงมาก

 

เว็บโฮสติ้งที่มาพร้อมการบริการจัดการทางเทคนิคจะสามารถรองรับจำนวนผู้เข้าชมและปริมาณการรับส่งข้อมูลได้เยอะกว่าเว็บโฮสติ้งแบบแชร์มากทีเดียว หากอยู่ดี ๆ มีคนแห่เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณกันมากแบบไม่ตั้งตัว เว็บไซต์ของคุณก็จะไม่ล่ม

 

สรุป

มันเป็นบริการที่คอยอัปเดตล่าสุด รวดเร็ว มีการสำรองข้อมูลและมีความปลอดภัยอยู่เสมอ

 

โฮสต์แบบมีการจัดการมาพร้อมอย่างนี้จะมีราคาแพงกว่าโฮสต์แบบแชร์ แต่มันจะเข้ามาช่วยคุณประหยัดเวลา (และได้ประสิทธิภาพมากกว่า) ซึ่งมันก็เป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้

 

 

โฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress โดยเฉพาะเหมาะกับฉันไหม

 

สำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือใครที่เพิ่งจะเริ่มมีเว็บไซต์นั้น โฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress อาจจะมากเกินความจำเป็น บริการ โฮสต์แบบแชร์ ที่มีความเรียบง่ายน่าจะเพียงพอแล้วในกรณีนี้ แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็ยังแนะนำเว็บโฮสติ้งที่มาพร้อมการจัดการด้านเทคนิคกับทั้งบรรดามือใหม่และเหล่ามือโปร บริการนี้ตอบโจทย์อย่างลงตัวที่สุดสำหรับ :

 

  • บล็อกเกอร์หรือธุรกิจที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่ตัวเว็บไซต์โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการอัปเดต การสำรองข้อมูลและงานทางเทคนิคที่อยู่เบื้องหลังใด ๆ ทั้งสิ้น
  • ใครก็ตามที่วางแผนว่าจะขยายจำนวนผู้ชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและเห็นจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมพุ่งสูงขึ้นเป็นประจำ
  • เว็บไซต์ใด ๆ ก็ตามที่ไม่ต้องการมีช่วงที่เว็บหยุดทำการ
  • ใครก็ตามที่เห็นคุณค่าของการช่วยเหลือดูแลลูกค้าอย่างยอดเยี่ยม

 

 

ข้อเสียของโฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress

 

ปรับให้เหมาะสมสำหรับ WordPress

 

แน่นอนว่าบริการเว็บโฮสติ้งแบบที่ช่วยจัดการด้านเทคนิคให้ด้วยนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน โฮสต์ลักษณะนี้มีลักษณะเด่นอยู่สองสามข้อที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ชอบใจ:

 

1. ราคา

 

เว็บโฮสติ้งที่ช่วยจัดการด้านเทคนิคด้วยจะมีราคาแพงมากกว่าโฮสติ้งแบบแชร์ คุณคาดไว้ได้เลยว่าจะต้องจ่ายค่าบริการโฮสต์ที่ช่วยเรื่องการจัดการทางเทคนิคเดือนละ 465 บาท – 1,860 บาท ขณะที่หากคุณเลือกใช้โฮสต์แบบแชร์ คุณสามารถหาค่ายที่คิดค่าบริการแค่เดือนละ 62 บาทได้ไม่ยาก

 

2. คุณจะใช้ WordPress ได้อย่างเดียวเท่านั้น

 

ข้อนี้อาจจะดูเหมือนเป็นอะไรที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องพึงตระหนักไว้เสมอ ! หากคุณดันไปใช้ Joomla หรือ Drupal ทำเว็บไซต์ โฮสต์แบบนี้ก็จะไร้ประโยชน์ไปเลย

 

3. ไม่มีสิทธิควบคุม

 

ความดึงดูดใจของโฮสติ้งแบบช่วยจัดการทางเทคนิคคือ ระบบดูแลตัวมันเอง โฮสต์จะอัปเดต จัดการ และปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานโดยอัตโนมัติ หากคุณเป็นคนที่ชอบเข้าไปปรับเปลี่ยน ทดลองโน่นนี่ด้วยตัวเอง คุณอาจจะรู้สึกว่าโฮสติ้งแบบนี้มีข้อจำกัด เพราะบางครั้งการเข้าถึงบางส่วนของระบบอาจทำไม่ได้

 

4. การจำกัดปลั๊กอิน

 

โฮสต์ที่ช่วยจัดการทางเทคนิคบางค่ายห้ามใช้ปลั๊กอินบางอย่าง ทำไมล่ะ ก็เพราะปลั๊กอินจะมาดูดเอาทรัพยากรอันมีค่าไปใช้เยอะมากและทำให้ระบบทำงานได้ช้าลง ดังนั้นโฮสต์บางค่ายจึงห้ามใช้ปลั๊กอินที่กินทรัพยากรเยอะ เพราะเหตุนี้ โฮสต์ที่ช่วยจัดการทางเทคนิคส่วนใหญ่จึงมาพร้อมปลั๊กอินดีที่สุดในตัวอยู่แล้ว (เช่น ปลั๊กอินแคชชิ่ง ปลั๊กอินสำรองข้อมูล เป็นต้น)

 

ถ้าคุณยังอยู่กับผมมาจนถึงตอนนี้ คุณก็คงคิดจริงจังเรื่องการใช้งานโฮสติ้งแบบนี้อยู่ใช่ไหมล่ะครับ เพียงแต่ม่ีคำถามคาใจอยู่ข้อหนึ่งคือ ค่ายไหนล่ะที่เจ๋งที่สุด

 

 

คำตัดสิน

 

เว็บโฮสติ้งแบบที่มีบริการจัดการทางเทคนิคสำหรับ WordPress หรือ Managed WordPress hosting เป็นบริการที่ตอบโจทย์มากที่สุดหากคุณกำลังมองหาความเร็ว ความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ โดยไม่ต้องคอยกังวลเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคใด ๆ ทั้งสิ้น

 

บริการนี้ถือว่าใช่เลย หากคุณวางแผนที่จะพัฒนาเว็บไซต์ให้เติบโตอย่างเป็นเรื่องเป็นราวพร้อมกับจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บที่มากขึ้นด้วย ฉะนั้น คุณต้องการผู้ให้บริการที่พร้อมจะโตไปกับคุณ

 

สำหรับการเลือกค่ายที่เหมาะสมนั้น ผมขอทบทวนสามอันดับแรกให้คุณฟังอีกครั้งนะครับ

 

ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม

ประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์

ราคา

SiteGround

100%

A+

112 บาท/เดือน

A2 Hosting

100%

A+

372 บาท/เดือน

Kinsta

100%

A+

390 บาท/เดือน

 

ก่อนจากกัน ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้บริการค่ายไหน ให้คุณพิจารณาราคา ฟีเจอร์และระดับการให้บริการของฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณมากที่สุด